กำลังจะเข้าสู่ช่วงวันหยุดขึ้นปีใหม่ เห็นทีต้องออกเที่ยวส่งท้ายปีกันสักหน่อย ว่าแล้วก็เริ่มออกเดินทางด้วยรถโดยสารประจำทาง เชียงราย-เชียงแสน สามารถดักโบกรถได้ตลอดเส้นทางที่รถผ่านซึ่งถ้าขึ้นจากบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงไปถึงจุดหมายสนนราคาแค่ 32 บาทเท่านั้น ออกเดินทางแต่เช้าไปกับรถเมล์หวานเย็นค่อยๆไต่ตามเส้นทางไป ใช้เวลาประมาณ 30-45นาที
ปล.อ่านฉบับพันทิป http://pantip.com/topic/33095265
**ภาพทั้งหมด เป็นภาพถ่ายของผู้เขียนทั้งสิ้น** |
ป้ายต้อนรับเข้าสู่อำเภอเชียงแสน กับกำแพงประตูเมืองเก่า |
เป้าหมายหลักของเราในวันนี้ไม่ใช่เพียงแต่ชมวิวเงียบๆฟากไทยเท่านั้น แต่เราต้องการโกอินเตอร์ด้วยการเดินทางข้ามไปเยี่ยมชมประเทศลาวด้วยและแน่นอนในราคาที่ถูกที่สุดและคุ้มค่าที่สุด ก่อนที่จะเล่าว่าเรามีแผนการเดินทางอย่างไร ขอพาทุกท่านไป "ทำหนังสือผ่านแดนชั่วคราว" ก่อนค่ะ แต่ขอแนะนำว่าสำหรับท่านใดที่มีพาสปอร์ต "อย่าลืมพกไปด้วย" ด้วยความหวังดี เพื่อที่จะไม่ต้องเสียเงินและเวลาไปทำหนังสือผ่านแดนชั่วคราว
เนื่องจากเราไม่ทราบว่าสามารถใช้พาสปอร์ตแทนหนังสือผ่านแดนได้ จึงไม่ได้พกไป(แอบเสียดาย) เพื่อไม่ให้เสียเวลาเรากับเพื่อนจึงต้องเดินตรงไปที่ว่าการอำเภอเชียงแสนและอยากจะเตือนทุกท่านให้ทราบว่าแท้จริงแล้วจุดทำหนังสือนั้นไม่ได้อยู่ในสำนักงานหรือตั้งในจุดที่สังเกตง่ายแต่อย่างใด แต่ลึกลับซับซ้อนและดู"บ้านๆ"สุดๆ เดินหลงเข้าไปตอนแรกเราก็คิดเอ๊ะใจว่าคงมาผิดที่
หลังจากเดินผ่านป้ายที่บอกว่า สถานที่ออกหนังสืออยู่ด้านหลัง จะเจอป้ายก๋องแก๋งอีกสองป้าย |
เพียงแค่ยื่นบัตรประจำตัวประชาชน นั่งรอไม่ถึง5นาทีก็เรียบร้อย สำหรับค่าทำหนังสือผ่านแดนชั่วคราวตกอยู่ที่ 30 บาทไม่ถูกไม่แพง แต่ถ้าใครพกพาสปอร์ตไปด้วยก็ไม่จำเป็นต้องทำหนังสือใดๆทั้งสิ้นเพราะเจ้าพาสปอร์ตนี้แลสามารถพาเราเดินทางออกนอกประเทศได้โดยง่ายสบายปรือ
หลังจากสอบถามก็ทราบข้อมูลคร่าวๆจึงทราบว่า นักท่องเที่ยวเมื่อมาถึงเชียงแสนแล้วสามารถเลือกท่องเที่ยวได้สองแบบคือ เลี้ยวซ้ายเดินทางไปบริเวณ"สามเหลี่ยมทองคำ"หรือเลี้ยวขวาไปเที่ยว"เชียงของ" แต่เนื่องจากภารกิจหลักของเราในวันนี้คือไปเที่ยวต่างประเทศ จำต้องเดินทางไปบริเวณสามเหลี่ยมทองคำเพื่อนั่งเรือข้ามฝากเดินทางต่อไป
ไม่รอช้ารีบเดินไปจุด"รถสกายแลป"รับจ้าง จะสังเกตเห็นได้ง่ายมากฉะนั้นใครที่เพิ่งเคยเดินทางไปครั้งแรกไม่จำเป็นต้องกังวลแต่อย่างใด เหมารถไปเที่ยวละ 150 บาท
....................................................................................................
ถึงแล้ว!! "สามเหลี่ยมทองคำ"
อย่าลืมแวะเก็บภาพพระเชียงแสนสี่แผ่นดิน หรือ พระพุทธนวล้านตื้อในบริเวณใกล้กันนั้นด้วยนะคะ
นอกจากนี้ขอนำภาพบรรยากาศรอบๆมาฝากแทนเป็นภาพของป้ายต้อนรับ AEC ให้บรรยากาศเมืองท่องเที่ยวที่ใกล้ชิดกับประเทศเพื่อนสุดๆ แถมด้วยภาพของเพื่อนเราที่ขะมักขะเม้นพยายามลูบฆ้องใหญ่ด้วยความเชื่อที่ว่า ขณะลูบฆ้องนั้นหากใครที่ทำให้เกิดเสียงก้องกังวาลใสได้แสดงว่ามีบุญ
หลังจากคว้าน้ำเหลวในการทดสอบบุญ พวกเราก็ออกเดินต่อไปยังจุดชมวิวสามเหลี่ยมทองคำซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อระหว่างสามประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย (จังหวัดเชียงราย) ลาว (แขวงบ่อแก้ว) และพม่า (แขวงท่าขี้เหล็ก, รัฐฉาน) มีลักษณะเป็นพื้นที่สามเหลี่ยมบรรจบกัน โดยมีแม่น้ำโขงตัดผ่านชายแดนไทยและลาว ... คลายข้อสงสัยแล้วใช่ไหมค่ะว่า ทำไมต้อง"สามเหลี่ยม"ทองคำ
บริเวณนี้เป็นที่บรรจบกันของแม่น้ำโขงและแม่น้ำรวก ที่เรียกว่า สบรวกถ้าสังเกตให้ดีจะว่าแม่น้ำรวกจากฝั่งไทยกับแม่น้ำโขงมีสีที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเรากับเพื่อนก็พยายามตั้งข้อสังเกตกันว่าอาจเป็นเพราะดินฟากไทยอดุมสมบูรณ์กว่าสีสันจึงดูอุดมไปด้วยสารอาหารมากกว่า(เดาเองล้วนๆ)
สามเหลี่ยมทองคำในส่วนของประเทศไทย อยู่ในเขตบ้านสบรวก อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย มีท่าเรือขนาดเล็กขนส่งสินค้าไปยังประเทศจีน และเมื่อมองจากฝั่งไทยไปฝั่งลาวจะเห็นหมู่บ้านอย่างชัดเจน ส่วนทางพม่าไม่มีหมู่บ้านหรือสิ่งก่อสร้างใดๆค่ะ
**ขอบคุณข้อมูลจากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ก่อนเดินทางออกจากจุดนี้ อย่าลืมถ่ายรูปคู่กับ "หลักกิโลเมตรสามเหลี่ยมทองคำ"เป็นอันขาด เพราะเป็นจุดไฮไลท์ถ่ายออกมาภาพสวยไฉไลได้ประกาศให้โลกรู้ว่าตัวข้านั้นได้มาเหยียบถิ่นสามเหลี่ยมทองคำแล้ว
....................................................................................................
ว่าด้วยการเดินทางข้ามฝากไปประเทศลาว
มีสองวิธีการใหญ่ๆด้วยกันคือ หนึ่ง เช่าเหมาลำเรือไป ...ราคาเท่าไรมิอาจทราบได้เนื่องจากเราก็เพื่อนไปกันแค่สามคน จะเหมาเรือทั้งลำสำหรับคนแค่หยิบมือคงแพงน่าดู
จุดลงเรือเหมาลำ |
เนื่องจากเราเดินทางไปช่วงสิ้นปี57พอดียังไม่มีบริการขึ้นเรือจ่ายรายหัว เลยต้องกินแห้วไปตามระเบียบแต่ไม่ต้องกังวลค่ะ เพราะพวกเราทำการบ้านมาดี ... เป้าหมายของการเดินทางไปลาวของเรามิได้อยู่ที่ท่าเรือเหมาลำทั่วไป แต่อยู่ที่ท่าเรือ"คาสิโนคิงส์โรมัน" ซึ่งเป็นวิธีที่สองที่เพื่อนๆสามารถลองเดินทางแบบพวกเราดูก็ได้นะคะ
(ซ้าย) ภาพด้านหลังคือพระเชียงแสนสี่แผ่นดิน หรือ พระพุทธนวล้านตื้อ (ขวา) ก่อนข้ามฟากต้องรีบกดเงินเตรียมไว้ก่อน |
จุดนี้เป็นท่าเรือสำหรับนักเสี่ยงโชคจึงต้องมีการปิดป้ายประกาศเรื่องเงินๆทองๆสักเล็กน้อย |
เจ้าหน้าที่ทำงานรวดเร็วใช้เวลาไม่นานหลังจากประทับตราอนุญาตแล้วก็ขึ้นเรือไปลาวโลด!!!
เรือคาสิโนคิงส์โรมันมาเทียบท่าแล้ว |
สภาพเรือดูภายนอกอาจไม่สวยงามแต่ภายในก็นั่งสบายใช้ได้ เดินทางไปพร้อมกับกัปตันเรือชาวจีน |
ภาพวิวจากฝั่งลาวมองไปเห็นพระพุทธนวล้านตื้อฝั่งไทยอย่างชัดเจน |
ท่าเรือฝั่งลาว |
แต่ผิดคาด เผลอนึกว่าตัวเองหลงเข้าไป "เกาหลีเหนือ"เหมือนกับกำลังย่ำเท้าบนแผ่นดินสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ บรรยากาศคล้ายเมืองย้อนยุคสมัยเหมาเจ๋อตุงและที่สำคัญคือไม่ให้ความรู้สึก"ลาวๆ"เลยแต่กลับเหมือนอยู่"จีน"อย่างไรบอกไม่ถูก
เมื่อไปถึงอาคารตรวจคนเข้าเมืองก็พบกับบรรยากาศตรวจกระเป๋าสุดหละหลวม มีเจ้าหน้าที่นั่งอยู่สองคนพูด "เป๋าๆ"แล้วชี้ไปที่เครื่องสแกนกระเป๋าหลังจากหยิบสัมภาระออกมาก็พบกับห้องโถงกับโต๊ะบริการว่างเปล่าไร้ผู้คนและแล้วพวกเราก็ย่ำเข้าแผ่นดินลาวอย่างสมบูรณ์ แต่เนื่องจากก่อนเดินทางเพื่อนเราที่เคยมาเที่ยวบอกว่าต้องจ่ายค่าธรรมเนียมก่อน 50 บาท ปัญหาคือ "จ่ายที่ไหน???"
สรุปคือเมื่อลงเรือแล้วให้พยายามเกาะกลุ่มผู้ข้ามเรือไปพร้อมกันเข้าไว้เพราะเจ้าหน้าที่จะมาประจำจุดเฉพาะเมื่อมีกลุ่มนักเสี่ยงโชคมาเพื่อเก็บค่าธรรมเนียมเท่านั้น
แต่เนื่องจากพวกเรามัวแต่ยุ่งกับการถ่ายภาพและนั่งพักหลังจากลงจากเรือเลยพลัดหลงกลับกลุ่มนักเสี่ยงโชคกลุ่มแรกที่เราปะปนเข้าไป เมื่อพวกเราเดินเข้าไปในอาคารจึงไม่พบเจ้าหน้าที่ใดๆ
เรื่องตลกคือเมื่อเราเจอคนท้องถิ่นทีไร พอถามว่า พูดไทยได้มั้ย? เขาจะตอบว่า ได้นิดหน่อย หรือไม่ค่อยได้ แต่พอเราถามต่อว่า What about English? Is speaking English would be better? จะรีบตอบกันอย่างแข็งขันเลยว่า พูดไทยดีกว่า!!!! สรุปคือไม่จำเป็นต้องรู้ภาษาจีน หรือภาษาลาว หรือภาษาใดๆทั้งสิ้น รู้แค่ภาษาไทยเท่านั้นก็เกินพอ
....................................................................................................
หลังจากจ่ายค่าธรรมเนียมแล้วก็เดินออกไปยังจุดรอรถ จะมีรถตู้ของคาสิโนมารับ ยืนรอรถอยู่สักพักก็มีรถตู้สีขาวมาเทียบท่า เดินทางบนรถต่ออีกประมาณ5นาทีก็ถึงจุดหมาย คาสิโนคิงส์โรมัน บรรยากาศและอาคารสวยงามมาก ไม่ต้องอธิบายมาก เราไปชมภาพกันเลยดีกว่า
หลังจากถ่ายภาพจนจุใจก็เดินเข้าไปในตัวอาคารคาสิโน แวะถามข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ผู้สามารถพูดไทยได้อย่างคล่องแคล่วว่า นักเสี่ยงโชคนอกจากแลกชิปเล่นได้แล้วยังสามารถใช้เงินบาทไทยเล่นได้เลยทันที (ภายในมีตู้สล็อตสำหรับหยอดเงินไทยโดยเฉพาะ) ส่วนภายในนั้นห้ามถ่ายภาพค่ะ แต่หลังจากสอบถามถ้าหากอยากถ่ายภาพจริงๆสามารถถ่ายได้เฉพาะส่วนห้องโถงเท่านั้น
รีบหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายภาพด้วยความไวแสงแล้วเดินจากไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น |
Chinatown ไซน่าทาวน์
เนื่องจากเป้าหมายหลักของเราคือการถ่ายรูปเท่านั้น จึงออกเดินต่อไปส่วนหลังของคาสิโน จะพบกับ Chinatown (ออกคาสิโนเลี้ยวขวาแล้วเดินลัดเลาะอาคารไปเรื่อยๆ)
ซึ่งทางคาสิโนจะมีโปรแกรมนำเที่ยวเสนอให้พวกเราราคาตกประมาณ300-500บาทแล้วแต่สถานที่
300 บาท สำหรับทัวร์ไซน่าทาวน์และล่องเรือชมวิว
500 บาท จะเพิ่มไปชมวัดบริเวณใกล้ๆ
ซึ่งสำหรับเราแล้วไม่จำเป็นต้องซื้อทัวร์ก็สามารถสัมผัสกับบรรยากาศและสถานที่ท่องเที่ยวได้อย่างคุ้มค่า
ถ้าให้วิจารณ์กันตรงๆแบบไม่ปิดบังก็คือ ไซน่าทาวน์นั้นสามารถเดินเท้าเที่ยวเองได้ไม่จำต้องมีไกด์ร่วมเดินทางแต่อย่างใด (แอบขำที่ระบุไซน่าทาวนเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมด้วย...หนูเดินไปเองได้) ซึ่งการเดินจากคาสิโนไปก็สะดวก ไม่ไกลเท่าไร ... แต่ก็ตามศรัทธาสำหรับเพื่อนๆคนใดที่ไปจะต้องการซื้อทัวร์ก็ได้ ได้ผลเป็นอย่างไรอย่าลืมมาเล่าสู่กันฟัง
ภายในไซน่าทาวน์ก็สวยงามอย่างที่จะเห็นต่อไปนี้ แต่เราคาดว่าไซน่าทาวน์นี้ยังคงก่อสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์เพราะมีหลายส่วนที่ยังปิดปรับปรุงอยู่และพบคนงานใส่โสร่งยาวเดินอยู่เติมพื้นที่ แต่เนื่องจากวันที่เราไปไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเท่าไร(มีแต่คนงาน ห๊าๆ)จึงถ่ายรูปออกมาสวยดูดีไม่มีคนพลุกพล่าน
หลังจากเดินเล่นสักพักก็กลับมาขึ้นรถกลับบริเวณหน้าคาสิโน ซึ่งพนักงานคาสิโน(ที่เจอ)นั้นอัธยาศัยดี
แม้ว่าการข้ามไปฝั่งลาวของเราครั้งนี้จะมิได้ไปแวะที่ตลาดลาว ซึ่งพี่เจ้าหน้าที่คาสิโนบอกว่าสามารถเดินทางไปได้โดยการเหมารถจากคาสิโนไป แต่พวกเราก็รู้สึกคุ้มค่ากับการเดินทางในครั้งนี้แล้ว ประกอบกับอากาศเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆจึงอยากกลับบ้านเร็วๆ
ลืมบอกไปค่ะว่าหนังสือเดินทางนั้น เราจะสามารถอยู่ที่ลาวได้เป็นเวลา 2 วันค่ะ ผิดกับใบอนุญาตชั่วคราวไปพม่าทางด่านแม่สาย สามารถอยู่ฝั่งนู้นได้แค่1วันไม่เกิน 6โมงเย็นของวันนั้นๆค่ะ(จะอยู่เกิน6โมงก็ได้ ด่านปิดแล้วนะคะเดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน)
อยากแนะนำว่าสำหรับผู้ใดที่อยากไปชมบรรยากาศ บ้านเมืองลาวแบบท้องถิ่นจริงๆ น่าจะเหมาะกับการเดินทางแบบเหมาลำเรือเที่ยวมากกว่า ซึ่งในปี 58นี้แม้เดินทางไม่กี่คน จ่ายรายหัวคนละ50บาทก็เที่ยวได้ ส่วนใครที่อยากลองสัมผัสบรรยากาศแปลกๆใหม่ๆแบบพวกเราก็ต้องไม่พลาดนั่งเรือไปกับคาสิโนนะคะ
....................................................................................................
ส่วนการเดินทางกลับเข้าตัวเมืองเชียงแสนก็มีสองวิธีด้วยกันคือ
หนึ่ง เหมารถมอไซด์รับจ้างไปราคามากน้อยเท่าใดขึ้นอยู่กับระยะทาง
สอง ขึ้นรถประจำทางซึ่งประมาณครึ่งชั่วโมงจะผ่านมาสักคัน เนื่องจากพวกเราไม่รีบร้อนจึงเดินทอดน่องต่อบริเวณนั้น ส่วนศุลกากรไทยก็น่ารักมีโต๊ะตั้งบริการอาหารว่างและเครื่องดื่ม ฟรี!!!แก่นักท่องเที่ยวด้วย ส่วนเพื่อนเราก็ขอเติมพลังสักเล็กน้อยก่อนเดินทางกลับ
อร่อยๆกับรถเข็นไก่ย่างส้มตำหน้าด่านศุลกากรไทย |
สรุปค่าใช้จ่าย
ค่าโดยสารรถประจำทางสีเขียวเชียงราย-เชียงแสน เที่ยวละ 32 บาท
ค่าเหมารถสกายแลป ขาไป 150 บาท (คนละ50บาท)
ค่าธรรมเนียมออกใบอนุญาตเดินทางชั่วคราว 30บาท
ค่าเรือ ฟรี!!
ค่ารถไปคาสิโน ฟรี!!
ค่าอาหารกลางวัน ข้าวผัดกระเพรา 40 บาท + น้ำ 10 บาท
เมื่อไม่นานมานี้เราเพิ่งไปเที่ยวเกาหลีมาค่ะ และในบทความตอนแรกนี้จะขอพาเพื่อนๆไปเที่ยวเกาะนามิ แวะซื้อของใน 7-11ที่เกาหลี ชิมขนมขึ้นชื่ออย่างไอศกรีมแคนตาลูปและนมกล้วย
เที่ยวเกาหลี ตอนที่ 2
หลังจากเดินทางมาอย่างเหนื่อยหนักก็แวะเข้าพักที่ซูวอน เมืองแห่งพัคจีซอง จากนั้นมุ่งสู่วัดวาวูจองซา วัดเกาหลีชื่อดังอันตั้งอยู่ในหุบเขาห่างไกลตัวเมือง ไปทำความรู้จักกับประวัติอันยาวนานของวัดแห่งนี้กันค่ะ
เที่ยวเกาหลี ตอนที่ 3
แวะกินหมูย่าง บูลโกกิสุดอร่อย แล้วต่อด้วยเอเวอร์แลนด์สวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี และปิดท้ายด้วยการช้อปปิ้ง ณ ย่านการค้าทงแดมุน ช้อปของถูก หาของอร่อยกินถูกใจทัวริสไทยเป็นอย่างยิ่ง
เที่ยวเกาหลี ตอนที่ 4
เยี่ยมชมพระราชวังเคียงบ๊อค ราชวังหลวงในยุคโชชอน เดินเที่ยวแวะถ่ายจุดไฮไลท์สำคัญ แอบถ่ายรูปทหารยามเฝ้ายาม แล้วไปเติมพลังด้วยเมนูอร่อยๆอย่าง ชาบูชาบูเมนูธรรมดาที่ไม่ธรรมดา
เที่ยวเกาหลี ตอนจบ
เดินขึ้นเขานัมซานสู่ โซลทาวเวอร์ คล้องกุญแจคู่รักกับสายฝนและปิดท้ายด้วยทริปบุกทะลวงย่านการค้าเมียงดง เยือนร้าน อั๊กดง จิมดักชื่อดัง เดินเที่ยวช้อปปิ้งจนหน่ำใจก่อนเดินทางกลับ ไทย