แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เที่ยวเชียงราย แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เที่ยวเชียงราย แสดงบทความทั้งหมด

นั่งเรือข้ามฝากไปเที่ยวลาว (จากเชียงแสน)

นักเขียนป้ายแดง by Jickamint (เนื้อหาทั้งหมดเขียนและเรียบเรียงเองทั้งสิ้น)

กำลังจะเข้าสู่ช่วงวันหยุดขึ้นปีใหม่ เห็นทีต้องออกเที่ยวส่งท้ายปีกันสักหน่อย ว่าแล้วก็เริ่มออกเดินทางด้วยรถโดยสารประจำทาง เชียงราย-เชียงแสน สามารถดักโบกรถได้ตลอดเส้นทางที่รถผ่านซึ่งถ้าขึ้นจากบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงไปถึงจุดหมายสนนราคาแค่ 32 บาทเท่านั้น ออกเดินทางแต่เช้าไปกับรถเมล์หวานเย็นค่อยๆไต่ตามเส้นทางไป ใช้เวลาประมาณ 30-45นาที

ปล.อ่านฉบับพันทิป http://pantip.com/topic/33095265

**ภาพทั้งหมด เป็นภาพถ่ายของผู้เขียนทั้งสิ้น**
ป้ายต้อนรับเข้าสู่อำเภอเชียงแสน กับกำแพงประตูเมืองเก่า
เมื่อเข้าสู่ช่วงตัวเมืองเชียงแสน จะสังเกตเห็นกำแพงอิฐเก่าๆกับป้ายต้อนรับอย่างเห็นได้ชัด เป็นสัญญาณให้เตรียมพร้อมก้าวลงจากรถ เมื่อถึงจุดจอดรถก็เดินตรงไปสุดทางแยกจะพบกับป้ายใหญ่ริมน้ำโขง บริเวณนี้ขอบอกว่าวิวสวยมากยิ่งถ้าหากเดินทางไปถึงช่วงเช้าๆ อากาศกำลังเย็นสบายนั่งริมแม่น้ำชมทิวทัศน์สร้างความ"ฟิน"ไปอีกแบบ
                                                                                                                                                              

เป้าหมายหลักของเราในวันนี้ไม่ใช่เพียงแต่ชมวิวเงียบๆฟากไทยเท่านั้น แต่เราต้องการโกอินเตอร์ด้วยการเดินทางข้ามไปเยี่ยมชมประเทศลาวด้วยและแน่นอนในราคาที่ถูกที่สุดและคุ้มค่าที่สุด ก่อนที่จะเล่าว่าเรามีแผนการเดินทางอย่างไร ขอพาทุกท่านไป "ทำหนังสือผ่านแดนชั่วคราว" ก่อนค่ะ แต่ขอแนะนำว่าสำหรับท่านใดที่มีพาสปอร์ต "อย่าลืมพกไปด้วย" ด้วยความหวังดี เพื่อที่จะไม่ต้องเสียเงินและเวลาไปทำหนังสือผ่านแดนชั่วคราว


เนื่องจากเราไม่ทราบว่าสามารถใช้พาสปอร์ตแทนหนังสือผ่านแดนได้ จึงไม่ได้พกไป(แอบเสียดาย) เพื่อไม่ให้เสียเวลาเรากับเพื่อนจึงต้องเดินตรงไปที่ว่าการอำเภอเชียงแสนและอยากจะเตือนทุกท่านให้ทราบว่าแท้จริงแล้วจุดทำหนังสือนั้นไม่ได้อยู่ในสำนักงานหรือตั้งในจุดที่สังเกตง่ายแต่อย่างใด แต่ลึกลับซับซ้อนและดู"บ้านๆ"สุดๆ เดินหลงเข้าไปตอนแรกเราก็คิดเอ๊ะใจว่าคงมาผิดที่
หลังจากเดินผ่านป้ายที่บอกว่า สถานที่ออกหนังสืออยู่ด้านหลัง
จะเจอป้ายก๋องแก๋งอีกสองป้าย
สุดท้ายเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ สัมผัสได้กับบรรยากาศคล้ายไปเยือนบ้านผู้ใหญ่บ้านในจังหวัดห่างไกล ออฟฟิซตีตารางไม้ดูคลาสิกภายในห้องมีโต๊ะเจ้าหน้าที่ตั้งอยู่สองจุดกับเครื่องถ่ายเอกสารอีกหนึ่ง พี่เจ้าหน้าที่ยิ้มต้อนรับอย่างสดใสแถมแนะแนวทางการเดินทางให้กับนักท่องเที่ยวหน้าใหม่อย่างพวกเราอีกด้วย




เพียงแค่ยื่นบัตรประจำตัวประชาชน นั่งรอไม่ถึง5นาทีก็เรียบร้อย สำหรับค่าทำหนังสือผ่านแดนชั่วคราวตกอยู่ที่ 30 บาทไม่ถูกไม่แพง แต่ถ้าใครพกพาสปอร์ตไปด้วยก็ไม่จำเป็นต้องทำหนังสือใดๆทั้งสิ้นเพราะเจ้าพาสปอร์ตนี้แลสามารถพาเราเดินทางออกนอกประเทศได้โดยง่ายสบายปรือ


หลังจากสอบถามก็ทราบข้อมูลคร่าวๆจึงทราบว่า นักท่องเที่ยวเมื่อมาถึงเชียงแสนแล้วสามารถเลือกท่องเที่ยวได้สองแบบคือ เลี้ยวซ้ายเดินทางไปบริเวณ"สามเหลี่ยมทองคำ"หรือเลี้ยวขวาไปเที่ยว"เชียงของ" แต่เนื่องจากภารกิจหลักของเราในวันนี้คือไปเที่ยวต่างประเทศ จำต้องเดินทางไปบริเวณสามเหลี่ยมทองคำเพื่อนั่งเรือข้ามฝากเดินทางต่อไป


ไม่รอช้ารีบเดินไปจุด"รถสกายแลป"รับจ้าง จะสังเกตเห็นได้ง่ายมากฉะนั้นใครที่เพิ่งเคยเดินทางไปครั้งแรกไม่จำเป็นต้องกังวลแต่อย่างใด เหมารถไปเที่ยวละ 150 บาท

....................................................................................................
ถึงแล้ว!! "สามเหลี่ยมทองคำ"
อย่าลืมแวะเก็บภาพพระเชียงแสนสี่แผ่นดิน หรือ พระพุทธนวล้านตื้อในบริเวณใกล้กันนั้นด้วยนะคะ


นอกจากนี้ขอนำภาพบรรยากาศรอบๆมาฝากแทนเป็นภาพของป้ายต้อนรับ AEC ให้บรรยากาศเมืองท่องเที่ยวที่ใกล้ชิดกับประเทศเพื่อนสุดๆ แถมด้วยภาพของเพื่อนเราที่ขะมักขะเม้นพยายามลูบฆ้องใหญ่ด้วยความเชื่อที่ว่า ขณะลูบฆ้องนั้นหากใครที่ทำให้เกิดเสียงก้องกังวาลใสได้แสดงว่ามีบุญ



หลังจากคว้าน้ำเหลวในการทดสอบบุญ พวกเราก็ออกเดินต่อไปยังจุดชมวิวสามเหลี่ยมทองคำซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อระหว่างสามประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย (จังหวัดเชียงราย) ลาว (แขวงบ่อแก้ว) และพม่า (แขวงท่าขี้เหล็ก, รัฐฉาน) มีลักษณะเป็นพื้นที่สามเหลี่ยมบรรจบกัน โดยมีแม่น้ำโขงตัดผ่านชายแดนไทยและลาว ... คลายข้อสงสัยแล้วใช่ไหมค่ะว่า ทำไมต้อง"สามเหลี่ยม"ทองคำ



บริเวณนี้เป็นที่บรรจบกันของแม่น้ำโขงและแม่น้ำรวก ที่เรียกว่า สบรวกถ้าสังเกตให้ดีจะว่าแม่น้ำรวกจากฝั่งไทยกับแม่น้ำโขงมีสีที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเรากับเพื่อนก็พยายามตั้งข้อสังเกตกันว่าอาจเป็นเพราะดินฟากไทยอดุมสมบูรณ์กว่าสีสันจึงดูอุดมไปด้วยสารอาหารมากกว่า(เดาเองล้วนๆ)

สามเหลี่ยมทองคำในส่วนของประเทศไทย อยู่ในเขตบ้านสบรวก อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย มีท่าเรือขนาดเล็กขนส่งสินค้าไปยังประเทศจีน และเมื่อมองจากฝั่งไทยไปฝั่งลาวจะเห็นหมู่บ้านอย่างชัดเจน ส่วนทางพม่าไม่มีหมู่บ้านหรือสิ่งก่อสร้างใดๆค่ะ
**ขอบคุณข้อมูลจากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
วันที่เดินทางไปนั้นพบกับทั้งทัวร์จีนหัวดำและทัวร์ฝรั่งหัวทองเดินกันให้วุ่นวายไปหมด ดังนั้นจึงไม่รอช้าคว้ากล้องขึ้นมาถ่ายภาพอย่างเร็วไว ซึ่งภาพนี้ก็คือ "ซุ้มประตูโขงสามเหลี่ยมทองคำ" ตรงเด่นเป็นสง่าตรงปากทางเข้าจุดชิมวิว

ก่อนเดินทางออกจากจุดนี้ อย่าลืมถ่ายรูปคู่กับ "หลักกิโลเมตรสามเหลี่ยมทองคำ"เป็นอันขาด เพราะเป็นจุดไฮไลท์ถ่ายออกมาภาพสวยไฉไลได้ประกาศให้โลกรู้ว่าตัวข้านั้นได้มาเหยียบถิ่นสามเหลี่ยมทองคำแล้ว

....................................................................................................
ว่าด้วยการเดินทางข้ามฝากไปประเทศลาว
มีสองวิธีการใหญ่ๆด้วยกันคือ หนึ่ง เช่าเหมาลำเรือไป ...ราคาเท่าไรมิอาจทราบได้เนื่องจากเราก็เพื่อนไปกันแค่สามคน จะเหมาเรือทั้งลำสำหรับคนแค่หยิบมือคงแพงน่าดู
จุดลงเรือเหมาลำ
หลังจากสอบถามพี่สาวร้านข้าวแกงใจดีบริเวณนั้นก็ทราบว่า ปัญหาเรื่องการเหมาเรือข้ามฝากนั้นค่อนข้างเป็นปัญหาใหญ่อยู่เนื่องจากทำให้นักท่องเที่ยวที่มาจำนวนน้อยไม่มีโอกาสได้นั่งเรือท่องลำน้ำพี่สาวบอกว่าในปีหน้า(ปี2558)จะมีการเปิดให้บริการแบบรายหัว จ่ายเพียงคนละ 50 บาทก็สามารถล่องเรือได้

เนื่องจากเราเดินทางไปช่วงสิ้นปี57พอดียังไม่มีบริการขึ้นเรือจ่ายรายหัว เลยต้องกินแห้วไปตามระเบียบแต่ไม่ต้องกังวลค่ะ เพราะพวกเราทำการบ้านมาดี ... เป้าหมายของการเดินทางไปลาวของเรามิได้อยู่ที่ท่าเรือเหมาลำทั่วไป แต่อยู่ที่ท่าเรือ"คาสิโนคิงส์โรมัน" ซึ่งเป็นวิธีที่สองที่เพื่อนๆสามารถลองเดินทางแบบพวกเราดูก็ได้นะคะ

(ซ้าย) ภาพด้านหลังคือพระเชียงแสนสี่แผ่นดิน หรือ พระพุทธนวล้านตื้อ (ขวา) ก่อนข้ามฟากต้องรีบกดเงินเตรียมไว้ก่อน
หลังจากแวะทานอาหารที่ศูนย์อาหารใหญ่ข้างท่าเรือเช่าเหมาลำ พวกเราก็ออกเดินเท้าตรงไปยังท่าเรือ"คาสิโนคิงส์โรมัน"ระยะทางประมาณ1-2 กิโลเมตรจากจุดชมวิว ถ้าหากกลัวหลงก็สามารถถามทางจากผู้คนแถวนั้นได้ แค่ถามว่า "จะไปคิงส์โรมันขึ้นเรือที่ไหนค่ะ?" เดินไปคุยกันไปเรื่อยๆใช้เวลาไม่นานก็ถึงจุดข้ามประเทศ
จุดนี้เป็นท่าเรือสำหรับนักเสี่ยงโชคจึงต้องมีการปิดป้ายประกาศเรื่องเงินๆทองๆสักเล็กน้อย






เมื่อมาถึงจุดนี้ก็ยื่นหนังสืออนุญาตเดินทางข้ามประเทศชั่วคราวหรือพาสปอร์ตในกรณีที่พกไปด้วยให้กับเจ้าหน้าที่โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมใดๆทั้งสิ้น เพราะต้องไปเสียฝั่งลาว ส่วนขั้นตอนเดินจ่ายตังที่ฝั่งนู้นค่อนข้างงงๆแปลกๆเล็กน้อยเดี๋ยวค่อยตามไปดูกันต่อนะคะ รับรองว่าสนุกตื่นเต้นแน่นอน

เจ้าหน้าที่ทำงานรวดเร็วใช้เวลาไม่นานหลังจากประทับตราอนุญาตแล้วก็ขึ้นเรือไปลาวโลด!!!
เรือคาสิโนคิงส์โรมันมาเทียบท่าแล้ว

สภาพเรือดูภายนอกอาจไม่สวยงามแต่ภายในก็นั่งสบายใช้ได้ เดินทางไปพร้อมกับกัปตันเรือชาวจีน


ภาพวิวจากฝั่งลาวมองไปเห็นพระพุทธนวล้านตื้อฝั่งไทยอย่างชัดเจน
ท่าเรือฝั่งลาว




ใช้เวลาประมาณ5-10นาทีข้ามมาถึงฝั่งลาว มาถึงแล้วก็เดินตามป้ายไปเรื่อยๆบรรยากาศที่สัมผัสได้คือ "แปลกๆ" อธิบายไม่ถูกเลยค่ะเพราะความคิดแรกคือบรรยากาศทางฝั่งลาวน่าจะคึกคักคล้ายๆกับฝั่งไทย

แต่ผิดคาด เผลอนึกว่าตัวเองหลงเข้าไป "เกาหลีเหนือ"เหมือนกับกำลังย่ำเท้าบนแผ่นดินสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ บรรยากาศคล้ายเมืองย้อนยุคสมัยเหมาเจ๋อตุงและที่สำคัญคือไม่ให้ความรู้สึก"ลาวๆ"เลยแต่กลับเหมือนอยู่"จีน"อย่างไรบอกไม่ถูก

เมื่อไปถึงอาคารตรวจคนเข้าเมืองก็พบกับบรรยากาศตรวจกระเป๋าสุดหละหลวม มีเจ้าหน้าที่นั่งอยู่สองคนพูด "เป๋าๆ"แล้วชี้ไปที่เครื่องสแกนกระเป๋าหลังจากหยิบสัมภาระออกมาก็พบกับห้องโถงกับโต๊ะบริการว่างเปล่าไร้ผู้คนและแล้วพวกเราก็ย่ำเข้าแผ่นดินลาวอย่างสมบูรณ์ แต่เนื่องจากก่อนเดินทางเพื่อนเราที่เคยมาเที่ยวบอกว่าต้องจ่ายค่าธรรมเนียมก่อน 50 บาท ปัญหาคือ "จ่ายที่ไหน???"


สรุปคือเมื่อลงเรือแล้วให้พยายามเกาะกลุ่มผู้ข้ามเรือไปพร้อมกันเข้าไว้เพราะเจ้าหน้าที่จะมาประจำจุดเฉพาะเมื่อมีกลุ่มนักเสี่ยงโชคมาเพื่อเก็บค่าธรรมเนียมเท่านั้น

แต่เนื่องจากพวกเรามัวแต่ยุ่งกับการถ่ายภาพและนั่งพักหลังจากลงจากเรือเลยพลัดหลงกลับกลุ่มนักเสี่ยงโชคกลุ่มแรกที่เราปะปนเข้าไป เมื่อพวกเราเดินเข้าไปในอาคารจึงไม่พบเจ้าหน้าที่ใดๆ

เลยต้องนั่งเล่นฆ่าเวลารอกลุ่มผู้เดินทางจากไทยกลุ่มใหม่มาถึง จึงตามไปจ่ายค่าธรรมเนียมกับเจ้าหน้าที่ 50 บาทด้วยกัน โดยจ่ายที่จุดแรก20บาทและเดินไปจ่ายจุดต่อไปอีก30บาท (ไม่เข้าว่าว่าจะจ่ายแยกกันทำไม) ไม่ต้องกังวลค่ะเพราะเจ้าหน้าที่ทุกคนสามารถพูดไทยได้ แต่เท่าที่สังเกตเบื้องต้นว่าผู้คนและเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่มักจะSPEAK CHINESEกัน ฉะนั้นหากมีความรู้ด้านภาษาจีนละก็ รับรองว่าเดินทางสะดวกสบายไม่ต้องกลัวหลงอย่างแน่นอน

เรื่องตลกคือเมื่อเราเจอคนท้องถิ่นทีไร พอถามว่า พูดไทยได้มั้ย? เขาจะตอบว่า ได้นิดหน่อย หรือไม่ค่อยได้ แต่พอเราถามต่อว่า What about English? Is speaking English would be better? จะรีบตอบกันอย่างแข็งขันเลยว่า พูดไทยดีกว่า!!!!  สรุปคือไม่จำเป็นต้องรู้ภาษาจีน หรือภาษาลาว หรือภาษาใดๆทั้งสิ้น รู้แค่ภาษาไทยเท่านั้นก็เกินพอ


....................................................................................................
หลังจากจ่ายค่าธรรมเนียมแล้วก็เดินออกไปยังจุดรอรถ จะมีรถตู้ของคาสิโนมารับ ยืนรอรถอยู่สักพักก็มีรถตู้สีขาวมาเทียบท่า เดินทางบนรถต่ออีกประมาณ5นาทีก็ถึงจุดหมาย คาสิโนคิงส์โรมัน บรรยากาศและอาคารสวยงามมาก ไม่ต้องอธิบายมาก เราไปชมภาพกันเลยดีกว่า



หลังจากถ่ายภาพจนจุใจก็เดินเข้าไปในตัวอาคารคาสิโน แวะถามข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ผู้สามารถพูดไทยได้อย่างคล่องแคล่วว่า นักเสี่ยงโชคนอกจากแลกชิปเล่นได้แล้วยังสามารถใช้เงินบาทไทยเล่นได้เลยทันที (ภายในมีตู้สล็อตสำหรับหยอดเงินไทยโดยเฉพาะ) ส่วนภายในนั้นห้ามถ่ายภาพค่ะ แต่หลังจากสอบถามถ้าหากอยากถ่ายภาพจริงๆสามารถถ่ายได้เฉพาะส่วนห้องโถงเท่านั้น
รีบหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายภาพด้วยความไวแสงแล้วเดินจากไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
....................................................................................................
Chinatown ไซน่าทาวน์
เนื่องจากเป้าหมายหลักของเราคือการถ่ายรูปเท่านั้น จึงออกเดินต่อไปส่วนหลังของคาสิโน จะพบกับ Chinatown (ออกคาสิโนเลี้ยวขวาแล้วเดินลัดเลาะอาคารไปเรื่อยๆ)

ซึ่งทางคาสิโนจะมีโปรแกรมนำเที่ยวเสนอให้พวกเราราคาตกประมาณ300-500บาทแล้วแต่สถานที่
300 บาท สำหรับทัวร์ไซน่าทาวน์และล่องเรือชมวิว
500 บาท จะเพิ่มไปชมวัดบริเวณใกล้ๆ
ซึ่งสำหรับเราแล้วไม่จำเป็นต้องซื้อทัวร์ก็สามารถสัมผัสกับบรรยากาศและสถานที่ท่องเที่ยวได้อย่างคุ้มค่า

ถ้าให้วิจารณ์กันตรงๆแบบไม่ปิดบังก็คือ ไซน่าทาวน์นั้นสามารถเดินเท้าเที่ยวเองได้ไม่จำต้องมีไกด์ร่วมเดินทางแต่อย่างใด (แอบขำที่ระบุไซน่าทาวนเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมด้วย...หนูเดินไปเองได้) ซึ่งการเดินจากคาสิโนไปก็สะดวก ไม่ไกลเท่าไร ... แต่ก็ตามศรัทธาสำหรับเพื่อนๆคนใดที่ไปจะต้องการซื้อทัวร์ก็ได้ ได้ผลเป็นอย่างไรอย่าลืมมาเล่าสู่กันฟัง

ภายในไซน่าทาวน์ก็สวยงามอย่างที่จะเห็นต่อไปนี้ แต่เราคาดว่าไซน่าทาวน์นี้ยังคงก่อสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์เพราะมีหลายส่วนที่ยังปิดปรับปรุงอยู่และพบคนงานใส่โสร่งยาวเดินอยู่เติมพื้นที่ แต่เนื่องจากวันที่เราไปไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเท่าไร(มีแต่คนงาน ห๊าๆ)จึงถ่ายรูปออกมาสวยดูดีไม่มีคนพลุกพล่าน





หลังจากเดินเล่นสักพักก็กลับมาขึ้นรถกลับบริเวณหน้าคาสิโน ซึ่งพนักงานคาสิโน(ที่เจอ)นั้นอัธยาศัยดี
แม้บางคนจะไม่สามารถพุดไทยได้ก็ตาม พากันชี้จุดขึ้นรถและสถานที่ท่องเที่ยวให้ สงสัยคงชินแล้วว่าชาวไทยที่ข้ามฟากมานั้นมิได้มีแต่นักเสี่ยงโชคแต่มีนักท่องเที่ยวปะปนมาด้วย ฉะนั้นแม้บรรยากาศรอบตัวจะดูเหมือนเกาหลีเหนือแต่ก็มิได้น่ากลัวอย่างที่คิด แต่ทางที่ดีหากสาวๆที่คิดจะไปเที่ยวอย่างน้อยก็ควรเดินทางเป็นกลุ่มคณะไม่ควรแบกเป้ไปคนเดียวนะคะ

แม้ว่าการข้ามไปฝั่งลาวของเราครั้งนี้จะมิได้ไปแวะที่ตลาดลาว ซึ่งพี่เจ้าหน้าที่คาสิโนบอกว่าสามารถเดินทางไปได้โดยการเหมารถจากคาสิโนไป แต่พวกเราก็รู้สึกคุ้มค่ากับการเดินทางในครั้งนี้แล้ว ประกอบกับอากาศเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆจึงอยากกลับบ้านเร็วๆ

ลืมบอกไปค่ะว่าหนังสือเดินทางนั้น เราจะสามารถอยู่ที่ลาวได้เป็นเวลา 2 วันค่ะ ผิดกับใบอนุญาตชั่วคราวไปพม่าทางด่านแม่สาย สามารถอยู่ฝั่งนู้นได้แค่1วันไม่เกิน 6โมงเย็นของวันนั้นๆค่ะ(จะอยู่เกิน6โมงก็ได้ ด่านปิดแล้วนะคะเดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน)

อยากแนะนำว่าสำหรับผู้ใดที่อยากไปชมบรรยากาศ บ้านเมืองลาวแบบท้องถิ่นจริงๆ น่าจะเหมาะกับการเดินทางแบบเหมาลำเรือเที่ยวมากกว่า ซึ่งในปี 58นี้แม้เดินทางไม่กี่คน จ่ายรายหัวคนละ50บาทก็เที่ยวได้ ส่วนใครที่อยากลองสัมผัสบรรยากาศแปลกๆใหม่ๆแบบพวกเราก็ต้องไม่พลาดนั่งเรือไปกับคาสิโนนะคะ

....................................................................................................
ส่วนการเดินทางกลับเข้าตัวเมืองเชียงแสนก็มีสองวิธีด้วยกันคือ
หนึ่ง เหมารถมอไซด์รับจ้างไปราคามากน้อยเท่าใดขึ้นอยู่กับระยะทาง  
สอง ขึ้นรถประจำทางซึ่งประมาณครึ่งชั่วโมงจะผ่านมาสักคัน เนื่องจากพวกเราไม่รีบร้อนจึงเดินทอดน่องต่อบริเวณนั้น ส่วนศุลกากรไทยก็น่ารักมีโต๊ะตั้งบริการอาหารว่างและเครื่องดื่ม ฟรี!!!แก่นักท่องเที่ยวด้วย ส่วนเพื่อนเราก็ขอเติมพลังสักเล็กน้อยก่อนเดินทางกลับ
อร่อยๆกับรถเข็นไก่ย่างส้มตำหน้าด่านศุลกากรไทย
ไม่นานรถโดยสารประจำทางสีฟ้าก็ผ่านมา รีบกระโดดขึ้นทันใดเสียค่าบริการเพียง 20 บาทเท่านั้น จากนั้นก็โบกรถโดยสารประจำทางสีเขียวเชียงราย-เชียงแสนเพื่อเดินทางกลับ

สรุปค่าใช้จ่าย
ค่าโดยสารรถประจำทางสีเขียวเชียงราย-เชียงแสน เที่ยวละ 32 บาท
ค่าเหมารถสกายแลป ขาไป 150 บาท (คนละ50บาท)
ค่าธรรมเนียมออกใบอนุญาตเดินทางชั่วคราว 30บาท
ค่าเรือ ฟรี!!
ค่ารถไปคาสิโน ฟรี!!
ค่าอาหารกลางวัน ข้าวผัดกระเพรา 40 บาท + น้ำ 10 บาท



                                                                                                                                                              

เมื่อไม่นานมานี้เราเพิ่งไปเที่ยวเกาหลีมาค่ะ และในบทความตอนแรกนี้จะขอพาเพื่อนๆไปเที่ยวเกาะนามิ แวะซื้อของใน 7-11ที่เกาหลี ชิมขนมขึ้นชื่ออย่างไอศกรีมแคนตาลูปและนมกล้วย
เที่ยวเกาหลี ตอนที่ 2
หลังจากเดินทางมาอย่างเหนื่อยหนักก็แวะเข้าพักที่ซูวอน เมืองแห่งพัคจีซอง จากนั้นมุ่งสู่วัดวาวูจองซา วัดเกาหลีชื่อดังอันตั้งอยู่ในหุบเขาห่างไกลตัวเมือง ไปทำความรู้จักกับประวัติอันยาวนานของวัดแห่งนี้กันค่ะ



เที่ยวเกาหลี ตอนที่ 3
แวะกินหมูย่าง บูลโกกิสุดอร่อย แล้วต่อด้วยเอเวอร์แลนด์สวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี และปิดท้ายด้วยการช้อปปิ้ง ณ ย่านการค้าทงแดมุน ช้อปของถูก หาของอร่อยกินถูกใจทัวริสไทยเป็นอย่างยิ่ง

เที่ยวเกาหลี ตอนที่ 4
เยี่ยมชมพระราชวังเคียงบ๊อค ราชวังหลวงในยุคโชชอน เดินเที่ยวแวะถ่ายจุดไฮไลท์สำคัญ แอบถ่ายรูปทหารยามเฝ้ายาม แล้วไปเติมพลังด้วยเมนูอร่อยๆอย่าง ชาบูชาบูเมนูธรรมดาที่ไม่ธรรมดา
เที่ยวเกาหลี ตอนจบ
เดินขึ้นเขานัมซานสู่ โซลทาวเวอร์ คล้องกุญแจคู่รักกับสายฝนและปิดท้ายด้วยทริปบุกทะลวงย่านการค้าเมียงดง เยือนร้าน อั๊กดง จิมดักชื่อดัง เดินเที่ยวช้อปปิ้งจนหน่ำใจก่อนเดินทางกลับ ไทย





หนาวนี้ไปเที่ยว "ดอยแม่สลอง" กัน

ช่วงเส้นทางจากจังหวัดเชียงใหม่สู่จังหวัดเชียงราย
ใกล้ฤดูหนาวเข้ามาทุกที หลายคนคงกำลังหาที่ทางเที่ยวไปพักผ่อนหย่อนใจจึงอยากขอแนะนำอีกสถานที่หนึ่งที่ครอบครัวเรามีโอกาสได้เดินทางไปเยือนช่วงวันหยุดขึ้นปีใหม่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เป็นสถานที่ที่หนาวนี้ "ห้ามพลาด"

เตรียมเสื้ออุ่น ชุดกันหนาวของท่านให้พร้อมแล้วไปเที่ยวจังหวัดเหนือสุดของประเทศไทยอย่างเชียงรายกันค่ะ

ระหว่างทางขึ้นเขา



.....................................................
ใช้เวลาสักพัก นอนหลับเมารถไปสองสามตื่นก็มาถึงที่นี้ ดอยแม่สลอง!!!

กว่าจะไปถึงจุดพักรถสูงสุดก็เวลาประมาณ 9-10 โมงแล้ว เช้าแดดเริ่มแรงแต่อากาศยังเย็นๆอยู่ยังพอที่จะเนียนแต่งตัวสบายสไตล์ฤดูหนาวได้ หลังจากแวะเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยก็ออกเดินเท้าไปเที่ยวบริเวณย่านการค้ากันเลยค่ะ

บริเวณนี้เป็นที่ตั้งของชุมชนจีนฮ่อ ฉะนั้นหากมีโอกาสได้มาเยือนที่แห่งนี้แล้วล่ะก็นอกจากจะได้สัมผัสบรรยากาศหมู่บ้านสไตล์ชาวเขาแล้วยังได้กลิ่นอายเมืองจีนแถบชนบทนิดๆ

มาเที่ยวเหนือ อยู่ในชุมชุนจีนแล้วก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะพบกับ "ร้านชา" ตั้งเรียงราย มีทั้งใบชาสดและแห้ง แบบแพ็คแบบห่อพร้อมส่งกลับเป็นของฝากสำหรับนักท่องเที่ยวบ้านไกลอยู่มากมาย

ร้านชาส่วนใหญ่ที่นี้จะมีโต๊ะเล็กๆให้นักท่องเที่ยวนั่งชิมชาหน้าร้าน และแล้วครอบครัวก็เดินหลงเข้าร้านชาแห่งหนึ่งและได้รับการต้อนรับจากตัวเจ้าของร้านเลยทีเดียว ช่วยรินชาเชิญชวนเราให้ซื้อผลิตภัณฑ์จากใบชา เจ้าของร้านใจดีชวนพูดคุยเล่าเรื่องราวชีวิตไปพลางรินชาไป หลังจากสบตากันไปมาอยู่พักใหญ่ก็หลงคารมซื้อชาหอมชุดใหญ่กลับมา แต่สำหรับเราแล้วที่ประใจที่สุดไม่ใช่ใบชาแต่คือเจ้าพวกนี้ค่ะ ...



ทางขวามือนั้นคือ ลูกวอลนัทค่ะ!!! เคยเห็นแต่ชนิดที่ผ่านกระบวนการผลิตกระเทาะเปลือกแปรรูปแล้ว เมื่อได้มาเจอแบบสดๆตรงจากธรรมชาติแบบนี้ก็อดไม่ได้ที่จะขอเจ้าของร้านชิม ... อืมม ... มันๆอร่อยดีค่ะแต่เปลือกกระเทาะยากน่าดู ไม่อยากนึกภาพตอนนั่งแทะที่บ้าน เลือดไหลออกตามไรฟันแน่นอน

ส่วนทางซ้ายมือนั้น ประทับใจที่สุด คืออัลมอนด์อบเนย ... หอมหวานมัน เคี้ยวกรุบ เปลือกกระเทาะง่ายไม่ลำบากฟัน กระเทาะเปลือกไปด้วยดูดนิ้วรสเนยไปด้วย ไม่รอช้าสอยมาสองกิโลถ้วน



.....................................................
และไม่ไกลกันนั้นก็พบกับป้ายนี้!!!
เดินตรงรี่เข้าไปในบริเวณตลาด ช่วงสายตลาดเริ่มวายแต่ของก็ยังมีขายอยู่มาก ของที่ขายส่วนใหญ่ก็เป็นเสื้อผ้า กระเป๋าผ้าถัก พวงกุญแจน่ารักๆสไตล์ชาวดอย

แต่ที่น่าสนใจที่สุดก็เห็นเป็นอะไรไม่ได้นอกจาก "ไข่ต้มใบชา" ด้วยความอยากรู้อยากลองว่า ไข่ต้มใบชาดอยแม่สลองนี้จะต่างจากไข่ต้มทั่วไปอย่างไร

จำไม่ได้ว่าฟองละเท่าไรแต่จำได้ว่าซื้อมาประมาณ 6 ฟอง กะว่าเย็นนี้แค่ข้าวสวยไข่ต้มก็อร่อยเอาอยู่ แต่หารู้ไม่!!! พอแกะไข่กินที่บ้านข้างในเป็นไข่ต้มใบชาจริงๆแค่ 2 ฟอง!!! นอกนั้นไข่ต้มบ้านๆนี้แหละจ้า แบบนี้หนูต้มกินเองที่บ้านก็ได้ค่ะ นั่งงับๆไข่ต้มราคาแพงเกินควรกับข้าวสวย ปล.ตัวไข่ต้มใบชาของจริงรสชาติก็คล้ายกับไข่ต้มทั่วไปมีรสหวานเล็กน้อย แต่ได้กลิ่นหอมสมุนไพรแรงและหอมมาก อร่อยดีค่ะ ... แอบเสียใจแต่ไม่แคร์ค่ะเพราะนอกจากไข่ต้มแล้วยังได้มันเผาติดมือมาด้วย ตอนยืนกินหน้าร้านร้อนๆก็อร่อย กลับบ้านเข้าไมโคเวฟออกมาร้อนๆก็อร่อยไม่แพ้กัน



.....................................................
หลังจากเดินแถวบริเวณนั้นจนทั่วแล้วก็ขึ้นรถไปยังที่หมายต่อไป!!!


ไร่ชาเจ้าค่ะ!!! ตอนนั้นพระอาทิตย์เที่ยงตรงเหนือหัว แต่ในเมื่อแต่งตัวจัดเต็มมาทั้งหมวกไหมพรม ผ้าพันคอไหมพรม เสื้อไหมพรมให้บรรยากาศฤดูหนาวสุดๆ ถ้าจะถอดใส่แต่เสื้อยืดแขนสั้นถ่ายรูปเดี๋ยวคนเขาไม่เชื่อว่ามาเที่ยวเหนือจริง เลยกลั้นใจแต่งตัวอบอุ่นในอากาศร้อนถ่ายรูป คุ้มค่าจริงๆค่ะ


จริงๆแล้วยังมีสถานที่และร้านอาหารอีกมากมายที่รอให้ทุกคนไปเยือนกันนะคะแต่เนื่องจากที่ได้เกริ่นไว้ว่าตอนนั้นอากาศเริ่มร้อนแล้ว ครอบครัวเราจึงตัดสินใจเดินทางกลับค่อยๆไต่เขาลงดอยสู่พื้นราบโดยสวัสดิภาพ

สรุปแล้วทริปครั้งนี้สนุก (ถ่ายรูป)คุ้ม เหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักท่องเที่ยวจากภาคอื่นที่จะได้มาสัมผัสกับขุนเขาและอากาศหนาวเย็นแบบฟินๆ ... เสียอย่างเดียวคือเราเป็นคนเมารถค่ะ เวลาเดินทางก็หมดไปกับการนอนหลับและควบคุมไม่ให้ตัวเองอาเจียนซะเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ดีขอแนะนำว่าหากเลือกเดินทางช่วงปลายพฤศจิกา-ต้นธันวาจะความสามารถเอ็นจอยกับอากาศหนาวสุดขั้วได้เยอะกว่านี้ และถ้าหากใครรู้ตัวว่าเป็นคนขี้เมา(รถ)ก็เตรียมตัวพกยามาให้พร้อมเพราะเส้นทางค่อนข้างคดเคี้ยวเลี้ยวสนุกสนาน

... ถ้าใครมีโอกาส อยากแนะนำให้มาเที่ยวเชียงราย มาที่ดอยแม่สลองกันค่ะ ...

                                                                                                                                                               


เที่ยวลาว(เดินทางจากเชียงแสน) ใหม่ล่าสุด!!!
คราวนี้เรากับเพื่อนๆออกเดินทางเที่ยวส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ตั้งต้นจากอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงรายแล้วนั่งเรือข้ามฟากไปลาว เพื่อไปเยือน "คาสิโน"




รีวิว Hello Kitty House Bangkok
ขอพาทุกคนเข้าเมืองหลวงไปรู้จักกับร้านขนมหวานสุดน่ารักอย่าง เฮลโลวคิตตี้เฮาส์ ณ Siam Square One ไปชมบรรยกาศร้านและชิมเค้กอร่อยกันค่ะ



อิ่มอร่อยวันแม่ ที่ร้านอาหารขวัญจิตเรสเตอรอง
ร้านอาหารชื่อไทยสไตล์ฝรั่ง พบกับเมนูเด็ดอย่าง ไส้กรอกขวัญจิต ซีซาร์สลัด ผักขมขนมปังกรอบและปิดท้ายด้วยเมนูไทยๆอย่างข้าวผัด มื้ออาหารธรรมดาที่อร่อยไม่ธรรมดา