เที่ยวเกาหลีตอนที่ 5 : โซลทาวเวอร์ ตลาดเมียงดง จิมดัก

นักเขียนป้ายแดง by Jickamint (เนื้อหาทั้งหมดเขียนและเรียบเรียงเองทั้งสิ้น)

>> จากเกาะนามิ เที่ยวเกาหลี ตอนหนึ่ง 
>> สู่เมืองซูวอนและวัดวาวูจองชา เที่ยวเกาหลี ตอนสอง 
>> หาของกินอร่อยๆแล้วเที่ยวต่อที่เอเวอร์แลนด์ บุกตลาดทงแดมุน เที่ยวเกาหลี ตอนสาม
>> และเข้าเยี่ยมพระราชวังหลวงเคียงบ๊อก รีวิวโรงแรมและเตรียมปลั๊กไฟ เที่ยวเกาหลี ตอนสี่

 และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปตามติดชีวิตทัวริสไทยในโคเรียกันต่อดีกว่าค่ะ ...

จับโดราเอม่อนเป็นเครื่องบูชายัญพิสูจน์ความรัก
หลังจากเดินทางออกจากพระราชวังเคียงบ๊อกก็นั่งรถทัวร์เวียนวนเพื่อเดินทางต่อไปยัง
"Seoul Tower" แลนด์มาร์กสุดเด่นแห่งกรุงโซล ใครที่ไม่ได้ไปเยือนโซลทาวเวอร์ ถือว่ายังมาไม่ถึงโซลนะเจ้าค่ะ

แต่แล้วเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ฝนเจ้ากรรมดันตกหนัก!!! ตกชนิดไม่ลืมหูลืมตา จึงขอเตือนนักท่องเที่ยวไทยที่คิดจะไปเยือนเกาหลีช่วงฤดูร้อนว่า ท่านต้องทำใจยอมรับกับมรสุมใหญ่ที่มักจะพัดผ่านประเทศหมู่เกาะนี้อยู่เป็นอาจิณ แม้ก่อนเดินทางเราได้เช็คกับเว็บไซด์พยากรณ์อากาศแล้วได้ความว่าจะมีฝนตกหนักบ้างบางพื้นที่ซึ่งเราก็พยายามทำใจตั้งแต่ก่อนเดินทางแล้ว แต่พอต้องประสบกับฝนตกจริงๆก็รู้สึกแอบหงุดหงิดหัวใจ เริ่มด่าทอโชคชะตาใยเจ้าต้องพาฟ้าฝนมาตกในวันนี้ด้วย

ทัวร์ไทยจึงต้องไปอาศัยหลบฝนที่ห้างหรูจำหน่ายสินค้าแบรนดังในราคาชนบท (จำชื่อห้างไม่ได้ค่ะต้องขออภัย) และเช่นเคยเนื่องจากไม่ค่อยสนใจในการช้อปปิ้งสักเท่าไร จึงออกไปเดินเล่น(ทั้งๆที่ฝนตกนี้แหละ)รอบๆห้างแล้วก็พบกับ....

เผลอจิตคิดว่าตัวเองอยู่เมืองไทยไปแป๊บหนึ่ง นี่เราไม่ได้ตาฝาดไปใช่มั้ย?

นั้นมัน ภาษาไทย!!!

เป็นเครื่องบ่งชี้ชั้นยอดว่านักท่องเที่ยวไทยในบริเวณนี้คงเยอะน่าดูถึงกับต้องขึ้นป้ายโชว์เมนูอาหารเป็นภาษาไทยเลยทีเดียว

ว่าแล้วก็ไม่รอช้า รีบจ้ำๆไปที่ตู้ซาลาเปาทันใดนั้นเจ้าของร้านหน้าตาเรียลโคเรียก็ออกมาทักทายด้วยประโยคที่ว่า "มีแต่ซ้ายถั่วแลงงง..." อ้อ มีแต่ไส้ถั่วแดงเหรอค่ะโอ้ปป้า แล้วโกกิมันดูกับคิมบับล่ะ ? "มีแต่ซ้ายถั่วแลงงง!!!!" ... โอเคค่ะ ใจเย็นๆนะคะโอ้ปป้ามีอะไรค่อยๆพูดค่อยๆจากัน
ฉะนั้น "แคนไอแฮฟทู, พลีซ" ว่าแล้วโอ้ปป้าตาตี่ผู้พูดไทยด้วยสำเนียงเกาหลีก็หยิบซาลาเปาไส้ถั่วแดงใส่ถุงใสให้มาแลกกับเงิน 2,000 วอน (ลูกละประมาณ 35 บาท)

อร่อยดีค่ะ แป้งเหนียวนุ่ม ไส้อัดแน่น ซาลาเปาร้อนๆในวันฝนตกที่โคเรียช่วยสร้างความฟินไปอีกแบบ

พระพิรุณคงพิโรธ ฝนตกหนักขึ้นเรื่อยๆจึงหลบไปนั่งชิวในร้านกาแฟแฟรนชายส์ชื่อดัง HOLLYS Coffee อารมณ์คล้ายๆกับกาแฟดอยช้างที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปในประเทศไทย ว่าแล้วก็เดินเข้าไปสั่งคอฟฟี่มินต์และโปเปโต้ครีมลาเต้มาลองชิมด้วยสนนราคาแก้วละ 5,600 วอน(ตกประมาณแก้วละ 200บาท)แพงยิ่งกว่าสตาร์บัคไทยแลนด์อีก จิบแกล้มกับซาลาเปาลูกใหญ่ อร่อยจนไม่อยากลุกไปไหน





........................................
Seoul Tower !!! โซลทาวเวอร์ อาคารชมวิวแบบพาโนราม่า

แต่ฝนยังไม่ทันเริ่มซา ทัวร์ไทยขาซ่าก็ต้องเริ่มออกเดินทางอีกครั้งเพื่อไปยังจุดหมาย ฝนตกเปาะแปะไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เนื่องจากเตรียมรับมือกับสภาพฟ้าฝนมาอย่างดี ว่าแล้วก็กางเสื้อคลุมฝนตัวสวยมาสวมใส่แล้วออกเดินลุยฝนไปอย่างไม่ลังเล เพื่อไต่ขึ้นเขานัมซานตรงไปยังโซลทาวเวอร์ ฉะนั้นใครที่อยากไปเที่ยวในช่วงฤดูร้อนโดยเฉพาะเดือนสิงหา อย่าลืมพกร่มเล็กๆหรือเสื้อคลุมฝนไปด้วยนะคะเดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน
ซ้าย คือภาพที่ควรจะถ่ายได้ // ขวา คือภาพที่ถ่ายได้

















ต้องขอเล่าเรื่องเกี่ยวกับสถานที่นี้เล็กน้อยค่ะว่า ตอนนี้เรากำลังทอดน่องฝ่าฝนอยู่ที่บริเวณเขานัมซาน อันเป็นที่ตั้งของโซลทาวเวอร์จุดชมทัศนียภาพกรุงโซล ณ จุดความสูง 480เมตรจากระดับน้ำทะเล และการเดินทางนั้นจะแบ่งเป็นสองช่วงใหญ่ๆคือ ช่วงตีนเขาไปจนถึงช่วงกลางสามารถอาศัยรถเดินทางได้ แต่หลังจากนั้นไปจนถึงยอดเขาต้อง "เดินเท้า" เท่านั้น

และเนื่องจากทางเดินขึ้นเขานัมซานช่วงสุดท้ายนั้น ชันมาก!!! ต้องเสียพลังงานหลายร้อยแคลลอรี่กว่าจะถึงปลายทาง จึงเป็นที่มาก็ความเชื่อที่ว่าหากคู่หนุ่มสาวคู่ไหนสามารถเดินจับมือกันตลอดทางโดยไม่ปล่อยมือและสุดทางได้คล้องกุญแจคู่รัก ณ จุดชมวิวด้วยกันล่ะก็ คู่รักนั้นจะได้รับการอวยพรให้ประสบความสำเร็จในชีวิตรัก

เสมือนกับว่าเส้นทางเดินขึ้นเขาที่แสนชันนั้นเป็นอุปสรรคในชีวิต ฉะนั้นหากคู่ใดจับมือกันโดยไม่ปล่อยจากกันแล้วสามารถไปถึงยังจุดหมายพร้อมกันได้นั้น ก็เท่ากับไม่ว่าคุณจะพบปัญหาอะไรใดๆเกี่ยวกับชีวิตคู่ในอนาคต คุณทั้งสองคนก็จะสามารถฝ่าฟันมันไปได้ด้วยดี

ส่วนสาวโสดสนิทอย่างเราก็ได้แต่จับเสื้อคลุมฝนกระชับให้แน่นค่อยๆไต่เขาอันลาดชันขึ้นไปช้าๆ พิชิตยอดเขานัมซานตามลำพัง และเป็นเพราะสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย ภาพที่ถ่ายได้มาจึงออกแนว Vintage ขมุกขมัวดูไม่ค่อยชัด สวยไปอีกแบบ ... ซึ่งฝนตกหนักในวันนั้นไม่ได้ทำให้เรารู้สึกอารมณ์เสียแต่อย่างใด แต่เรากลับรู้สึกว่า "โชคดี" ที่ได้มาสัมผัสสถานที่พิเศษ ในบรรยากาศที่พิเศษ!!! จะมีคนไทยสักกี่คนกันที่ได้สัมผัสโซลทาวเวอร์ในวันที่ฝนตก ในวันที่คู่หนุ่มสาวยิ่งจับมือกันแน่นขึ้น ในวันที่ผู้คนนั่งเบียดกันจิบกาแฟร้อนๆ สายฝนลมหมอกช่วยปั้นบรรยากาศโรแมนติคได้ดีนักแล เนื่องจากบริษัททัวร์แจกแม่กุญแจให้คล้องฟรีแต่ดันไม่มีคู่ให้คล้องด้วย จึงได้แต่คล้องพลางบอกรักกับสายฝน หลังจากนั้นก็รีบแช๊ะๆภาพก่อนฝนตกจะตกหนักกว่านี้แล้วเดินกลับลงจากเขาด้วยสภาพที่เปียกปอน
                                        ... อย่าให้มีแฟนนะอ่อ แม่จะคล้องกุญแจสัก 100 คู่ ...



........................................
แวะร้านอาหารชื่อดัง สาขาเมียงดง บุกตลาดวัยรุ่นเกาหลี!!!

เป้าหมายต่อไปของเราก็คือ ย่านการค้าเมียงดง ตลาดวัยรุ่นใจกลางเมืองหลวง และเช่นเคยก่อนที่จะใช้แรงออกเดินซื้อของต้องขอแวะร้านอาหารอร่อยๆเพื่อเติมพลังกันก่อน ... กรุ๊ปทัวร์ VIP ของเราเดินตรงเข้าย่านการค้า เจอแยกแรกก็เลี้ยวซ้ายตรงไปเรื่อยๆ มองทางซ้ายมือก็จะพบกับร้านอาหารชื่อดังสุดหรูร้านนี้

จิมดักหลากหลายรูปแบบแผ่หลาหน้าตาน่ากินอย่าบอกใคร


NEW ANDONG JIMDAK
ร้าน Andong Jimdak (อักดง จิมดัก) สาขาเมียงดงแห่งนี้คราคร่ำไปด้วยผู้คนมากมายทั้งคนท้องถิ่นและชาวต่างชาติ ภายในร้านตกแต่งสวยงามแถมมีรูปและลายเซ็นของบุคคลชื่อดังมากมายที่เคยมาเยี่ยมเยือน ใครสนใจลองเอาชื่อร้านไปเซิร์จดูได้ การันตีความอร่อย 

อย่างที่เคยเกริ่นไว้ใน เที่ยวเกาหลี ตอนสอง ว่าในแต่ละร้านอาหารส่วนใหญ่จะเสิร์ฟแค่เมนูเดียวเท่านั้น!!! เมื่อมาถึง อักดง จิมดัก อาหารที่ต้องสั่งก็เป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก "จิมดัก" หรือ "ไก่ผัดวุ้นเส้นเกาหลี"

พี่ไกด์เล่าให้ฟังสั้นๆว่า เจ้าจิมดักนี้มีรูปร่างหน้าตาต่างกันออกไปมากมาย(ดั่งปรากฎในรูปหน้าร้าน) แต่ก็ยังคงส่วนประกอบหลักเช่นเดิม ซึ่งไก่ผัดวุ้นเส้นเกาหลีนี้มีรสชาติให้เลือกตั้งแต่เผ็ดน้อย เผ็ดกลางและเผ็ดมาก และเพื่อความปลอดภัยของสุขภาพท้อง พี่ไกด์จึงสั่งจิมดักเผ็ดน้อยมาให้ได้ลิ้มลองกัน ่วาแล้วก็หยิบช้อนยาว เตรียมตะเกียบเหล็กของท่านให้พร้อมกับเมนูจานยักษ์เมนูนี้



จิมดักจานใหญ่นี้ประกอบไปด้วย ไก่ชิ้นโต วุ้นเส้นใสสไตล์เกาหลีนี้มีลักษณะเป็นเส้นแบนใหญ่ๆทำจากมันสำปะลังทำให้เหนียวนุ่มเป็นพิเศษผัดคลุกเคล้าทำซอสสูตรพิเศษ เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยชามร้อนและปิดท้ายด้วยกิมจิประจำร้าน

ถ้าสังเกตจะเห็นว่า ไก่ชิ้นใหญ่มากชนิดที่เสิร์ฟกันเป็นน่องๆเลยทีเดียว แถมวุ้นเส้นเจ้ากรรมก็เส้นยาวเป็นวากินไม่สะดวก ไม่รู้ด้วยเหตุผลกลอันใดที่อาหารเกาหลีส่วนใหญ่มักเสิร์ฟเป็นชิ้นใหญ่ ดังนั้น "กรรไกร" ผู้มักมีบทสำคัญอย่างในตอน เที่ยวเกาหลี ตอนสาม ก็กลับมาเป็นตัวช่วยอีกครา

ลงมือใช้กรรไกรตัดเส้นและไก่ฉับๆให้เป็นชิ้นเล็กพอดีคำ ก็เริ่มโช้ยซู้ดๆอาหารที่อยู่ตรงหน้า อร่อยเด็ดไม่เค็มหรือเผ็ดเกินไปตามด้วยข้าวสวยร้อนๆในวันฝนตก อร่อยอย่าบอกใคร ... แต่เนื่องจากเราไม่ค่อยชอบกินไก่เท่าไร มื้อนี้จึงขอให้ 3 ดาวเท่ากับไก่ผัดทัลคาบี้



เมื่อหนังท้องตึงแต่หนังตายังหย่อนไม่ได้ เลยรีบออกก้าวเดินจากร้านอาหารเข้าสู่ตลาดเมียงดง เทคนิคการเดินเที่ยวไม่ให้หลงและสามารถเดินเที่ยวดูได้ครบทุกซอยคือ เดินวนไปทิศเดียวเรื่อยๆจนครบทุกซอย เช่น เดินเจอแยกให้เลี้ยวซ้าย เจอแยกเลี้ยวซ้าย เจอแยกเลี้ยวซ้ายอีก เมื่อกลับมาจุดเริ่มต้นก็เริ่มวนขวา พอครบทั้งซอยก็เริ่มไปเดินวนที่ซอยใหม่ (พอเข้าใจมั้ยคะ ...ห้าๆ)

เป็นไปตามคาดว่า ณ ย่านการค้าแห่งนี้มีร้านเครื่องสำอางมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งและที่รองมาก็คือ ร้านเสื้อผ้าและรองเท้า

ขณะที่กำลังเดินเที่ยวอยู่นั้น ก็มีคุณลุงหน้าตาน่ากลัวน่าสงสัยคล้ายมาเฟียเดินคีบรองเท้าแตะเข้ามาถาม
>> Where are you from ?
>> Thailand
>> Oh! I love Thailand ,, Pattaya อาาา (คิดในใจลุงต้องการอะไรเนี้ย) สักพักเฮียแกก็หยื่นใบปลิวร้านนวดกากๆมาให้ สนมั้ย ? พลางชี้นิ้วไปบนตึกเก่าใกล้ๆนั้น
>> No, Thank you !!
พอสิ้นบทสนทนาลุงแกก็หันไป I love China กับนักท่องเที่ยวข้างๆต่อ ... คืออธิบายความรู้สึกที่ถูกทาบทามไม่ถูก กลัวระคนปนขำ ไม่รู้จะหลอกไปนวดราคาแพง หรือหลอกไปล้วงกระเป๋า หรือหลอกไปทำมิดีมิร้ายก็มิอาจรู้ได้ เกาหลีมิจฉาชีพแปลกๆก็มี

ก่อนเดินทางมาเที่ยวเกาหลี เราก็พยายามทำการบ้านหาข้อมูลการท่องเที่ยวซึ่งก็ไปพบกับเว็บไซด์แนะนำของกินเด็ดๆในย่านเมียงดง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ จิมดักร้านดัง และต่อมาคือ ไอศกรีมยาว ตอนนั่งดูรูปอยู่ที่ไทยน้ำลายไหลย้อยอยากกินมาก ตั้งปฎิฐานอย่างแรงกล้าว่าถ้าหากได้มาเยือนตลาดเมียงดงล่ะก็จะต้องขอลิ้มลองเจ้าไอศรีมนี้สักครั้ง ซึ่งเดินไปได้ไม่ไกลก็พบกับร้านทีตามหา



อย่าเพิ่งตกใจว่าทำไมภาพไอศกรีมภาพซ้ายกับขวาคนละสีกัน นี่ไม่ใช่ภาพตัดต่อแต่อย่างใดแต่มันคือไอศรีมทูโทนสองรสสองสีต่างหากล่ะเจ้าค่ะ หลังจากเดินตรงบนถนนหลักไปได้ไม่นานก็เจอร้านไอศกรีมสีขาวกับพนักงานชายในชุดสีแดงยืนบริการ ยืนชี้ๆไปที่ป้ายไม่ทันไรก็ได้ไอศกรีมโคนยาวรสช็อคโกแล็ต-สตอเบอร์รี่มาครอบครองด้วยราคา 2,000 วอน ไม่รอช้ารีบงับเข้าปาก

ไม่รู้เพราะว่าอากาศเย็นหรือเปล่า(ตอนนั้นฝนยังตกไม่หยุด)เลยทำให้รู้สึกว่า ไม่ค่อยอร่อย ... เนื้อไอศกรีมไม่เหนียวนุ่มอย่างที่คิดไว้คล้ายกับเคี้ยวเกล็ดน้ำแข็งหวานๆอยู่ ที่ประทับใจอยู่อย่างเดียวคือ รสช็อคโกแล็ตกับสตอเบอร์รี่ไม่หวานมากจนเกินไป ก็พอกินได้เพลินๆ กินไปได้ไม่เท่าไรก็ต้องขอสละลงถังขยะจนน้าแซวว่า "สรุปซื้อมาแค่ถ่ายรูปใช่มั้ย?" แต่ใครที่อยากลองซื้อกินบ้างก็ไม่ขัดศรัทธา ความชอบแต่ละคนไม่เหมือนกัน ลองไปชิมดูแล้วมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะคะว่า ชอบหรือเปล่า?

ถ้ามาเกาหลีแล้วไม่ซื้อเครื่องประทินผิวเดี๋ยวคนเขาจะหาว่ามาไม่ถึงเกาหลีจริงๆ เลยต้องแวะ Skinfood สักนิดสอยโฟมล้างหน้าว่านหางจระเข้มาสักหน่อย ตีเป็นเงินได้ประมาณ 180 กว่าบาท กลับมาอวดเพื่อนๆหนึ่งหลอดถ้วน และแล้วการเดินเที่ยวในตลาดเมียงดงก็จบลงเนื่องจากสภาพอากาศฟ้าฝนไม่เอื้ออำนวย




........................................
ลิ้มลองเมนูสุขภาพอย่าง ไก่ตุ๋นโสม หรือ ซัมกเยทัง!!!

ก่อนกลับไทย อยากย้อนกลับไปแนะนำอีกเมนูสุขภาพน่าสนใจที่เราได้ลิ้มชิมรสในวันที่สองที่มาเยือนเกาหลี และที่ร้านแห่งนี้เองมีตู้แช่ขายไอศกรีมแคนตาลูปเพียง 1,000 วอนรู้สึกเจ็บแค้นเล็กน้อยเพราะหลงซื้อในเซเว่น ด้วยราคา 1,700 วอน ... วนกลับมาที่มื้ออาหารของเราดีกว่าค่ะ


ซัมกเยทังหม้อนี้คือ ไก่หนุ่มวัยรุ่นทั้งตัว!!ยัดไส้ด้วยข้าว พุธราจีนและโสมต้มในน้ำซุปสีใส เสิร์ฟคู่กับเจ้าเส้นขาวๆคล้ายกับเส้นขนมจีนของไทยแต่สีจะคล้ำกว่าเล็กน้อยและเหนียวนุ่มมากกว่า กินกับเครื่องเคียงอย่างหัวไช้เท้าต้ม กิมจิเจ้าประจำ ปรุงรสด้วยเกลือพริกไทย

เนื่องจากเมนูนี้เป็นเมนูสุขภาพ รสชาติจึงจืดสนิทแถมมื้อนี้ไม่มีน้ำซอสจากไทยแลนด์มาช่วยชีวิต จืดปากจืดคอค่อยๆตักข้าวและแทะไก่จนหมด อย่างที่เคยเกริ่นไว้หลายครั้งว่าเราไม่ชอบกินไก่เท่าไร มื้อนี้จึงไม่ค่อยถูกปาก แต่สำหรับคนในครอบครัวเราเรากลับพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า อร่อย!! มื้อนี้เราขอให้ 3 ดาวเท่ากับเมนูไก่ทั้งหลายที่ได้กินมาแล้วกันค่ะ

ไก่ยัดไส้ข้าว กินพร้อมกับขนมจีนเส้นขาว


จริงๆแล้วมีเรื่องราวเกิดขึ้นกับเรามากมาย เราได้ไปเยือน(แกมถูกกดดันให้ซื้อของแต่ถ้าไม่ซื้อก็ไม่เป็นไร)หลายสถานที่ ทั้งที่ศูนย์โสมเกาหลี ศูนย์น้ำมันสนแดง ศูนย์เครื่องสำอาง โรงงานสาหร่าย โรงเรียนสอนทำกิมจิเป็นต้น(เพราะด้วยเหตุผลที่เราพูดไว้ใน เที่ยวเกาหลี ตอนหนึ่ง) ซึ่งในระหว่างการเดินทางก็มีช่วงที่น่าเบื่อบ้างแต่ก็ทำใจให้สบาย คิดซะว่าเรามาเที่ยวกับทัวร์ จะให้ทุกอย่างถูกใจเรา 100% เลยมันก็เป็นไปไม่ได้

เก็บภาพในร้านอาหารมื้อสุดท้ายก่อนกลับไทย
ซึ่งเราคิดว่าการที่จะเที่ยวสนุกหรือไม่สนุกนั้นมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่า คุณไปแบบแบ็คแพ็คหรือไปกับทัวร์ แต่มันน่าจะขึ้นอยู่กับ "ตัวคุณ" เองต่างหาก หากไม่รู้จักมองโลก เปิดรับเรื่องราวใหม่ๆ มองมันให้เป็นเรื่องสนุกและมีความสุขไปกับมันล่ะก็ ไม่ว่าจะไปเที่ยวเองหรือไปกับกลุ่มทัวร์ก็คงไม่สนุกอยู่ดี

ทัวร์ไทยดีๆมีอยู่เยอะอยู่ที่ว่าคุณจะหามันเจอหรือไม่? ขอให้โชคดี 555

แต่ด้วยความคิดเห็นส่วนตัว...ย้ำว่า ความเห็นส่วนตัว ประเทศเกาหลีก็เป็นแค่ประเทศธรรมดาที่ไม่ค่อยมีอะไร ทรัพยากรธรรมชาติ สถานที่ท่องเที่ยวตื่นตาตื่นใจก็ยังมีน้อย การที่เขาสามารถสร้างและโปรโมทให้คนต่างชาติเข้ามาเที่ยวได้เยอะเช่นนี้ถือว่าสุดยอดมาก

แต่สำหรับเราครั้งเดียวก็เกินพอ ที่พูดแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าเที่ยวไม่สนุกนะคะ แต่การไป 5 วัน 3 คืนครั้งนี้เราได้สัมผัสครบทั้งเกาหลียุคเก่าและยุคใหม่ ขอพูดตรงๆค่ะว่าก็ไม่มีอะไรแปลกใหม่ที่เข้าขั้นว่าสามารถดึงดูดใจจนต้องกลับไปอีกครั้ง เที่ยวประเทศไทยของเราดีกว่า มีตั้งแต่ภูเขาสูงยันทะเลสวย ตั้งแต่หมู่บ้านชนบทไปจนถึงเมืองหลวงศิวิไลทันสมัยแถมได้ช่วยการค้าการเศรษฐกิจในประเทศอีกด้วย แต่สำหรับใครที่วางแผนอยากไปเที่ยวเกาหลีก็อย่าเพิ่งถอดใจ ประเทศนี้ก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีสำหรับนักท่องเที่ยวมือใหม่งบไม่สูง(หรืองบสูงก็มาเที่ยวได้) ถ้าได้ลองไปช่วงฤดูหนาวหรือใบไม้ผลิก็คงสวยไปอีกแบบ เลือกวางแผนเลือกสถานที่ท่องเที่ยวที่อยากไปจริงๆแล้วลงมือหาทัวร์หรือวางทริปแบ็คแพ็คโลด!!!

สรุปค่าใช้จ่ายและความประทับใจ
>> ค่าทัวร์ 15,800 บาท บวกค่าไกด์เกาหลี(ท้องถิ่น)จ่ายที่สุวรรณภูมิ 700 บาท
>> วางมัดจำครึ่งหนึ่งขณะจองทัวร์
>> พกเงินไป 5,000 บาท เหลือกลับ 1,000 กว่าบาท 
>> ไปเที่ยวช่วงฤดูร้อน อย่าลืมพกร่ม(กันทั้งแดดและฝน)
>> น้ำเปล่าแพงกว่าขนม จงมั่นเติมน้ำในขวดน้ำของท่าน
>> สวยที่สุดคือ พระวังเคียงบ๊อก
>> คนเยอะที่สุดคือ เกาะนามิ
>> อร่อยที่สุดคือ หมูย่างบูลโกกิ

สำหรับใครที่เห็นสนใจ ไปทัวร์อะไร? วางแผนเลือกที่เที่ยวยังไงบ้าง? ก็หลังไมค์เข้ามาได้ตามอีเมลนี้ (jickamint@gmail.com) หรือจะทิ้งคำถามไว้ในช่องความคิดเห็นท้ายสุดก็ได้นะคะ

                                                                                                                                                              


เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ใหม่ล่าสุด!!!                                                 คิดว่าทุกคนที่ฝันอยากไปเที่ยวญี่ปุ่นมักจะมีคำถามว่า ไปกับทัวร์หรือเที่ยวเองดี?และคำถามต่อมาคือ ไปเที่ยวเองยากมั้ย? แต่เนื่องจากไม่รู้จะเริ่มหาข้อมูลตรงไหน สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการใช้บริการทัวร์และอาจกลับไทยมาด้วยความผิดหวัง ...
เมื่อไม่นานมานี้เราเพิ่งไปเที่ยวเกาหลีมาค่ะ และในบทความตอนแรกนี้จะขอพาเพื่อนๆไปเที่ยวเกาะนามิ แวะซื้อของใน 7-11ที่เกาหลี ชิมขนมขึ้นชื่ออย่างไอศกรีมแคนตาลูปและนมกล้วย
เที่ยวเกาหลี ตอนที่ 2
หลังจากเดินทางมาอย่างเหนื่อยหนักก็แวะเข้าพักที่ซูวอน เมืองแห่งพัคจีซอง จากนั้นมุ่งสู่วัดวาวูจองซา วัดเกาหลีชื่อดังอันตั้งอยู่ในหุบเขาห่างไกลตัวเมือง ไปทำความรู้จักกับประวัติอันยาวนานของวัดแห่งนี้กันค่ะ



เที่ยวเกาหลี ตอนที่ 3
แวะกินหมูย่าง บูลโกกิสุดอร่อย แล้วต่อด้วยเอเวอร์แลนด์สวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี และปิดท้ายด้วยการช้อปปิ้ง ณ ย่านการค้าทงแดมุน ช้อปของถูก หาของอร่อยกินถูกใจทัวริสไทยเป็นอย่างยิ่ง

เที่ยวเกาหลี ตอนที่ 4
เยี่ยมชมพระราชวังเคียงบ๊อค ราชวังหลวงในยุคโชชอน เดินเที่ยวแวะถ่ายจุดไฮไลท์สำคัญ แอบถ่ายรูปทหารยามเฝ้ายาม แล้วไปเติมพลังด้วยเมนูอร่อยๆอย่าง ชาบูชาบูเมนูธรรมดาที่ไม่ธรรมดา
เที่ยวเกาหลี ตอนจบ
เดินขึ้นเขานัมซานสู่ โซลทาวเวอร์ คล้องกุญแจคู่รักกับสายฝนและปิดท้ายด้วยทริป
บุกทะลวงย่านการค้าเมียงดง เยือนร้าน อั๊กดง จิมดักชื่อดัง เดินเที่ยวช้อปปิ้งจนหน่ำใจก่อนเดินทางกลับ ไทย





วิธีแสดงความคิดเห็นบนบล๊อกผ่าน facebook
เลื่อนลงไปล่างสุดของบทความ คลิ๊กคำว่า "ไม่มีความคิดเห็น" เพื่อแสดงความคิดเห็น(งงมั้ยล่ะ) ตอนนี้เปิดให้แสดงความเห็นผ่าน facebook ได้สำหรับใครที่ไม่มี Account ของ Gmail นะคะ
                                                                                                                                                               

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น