>> จากเกาะนามิ เที่ยวเกาหลี ตอนหนึ่ง
>> สู่เมืองซูวอนและวัดวาวูจองชา เที่ยวเกาหลี ตอนสอง
>> หาของกินอร่อยๆแล้วเที่ยวต่อที่เอเวอร์แลนด์ บุกตลาดทงแดมุน เที่ยวเกาหลี ตอนสาม
>> และเข้าเยี่ยมพระราชวังหลวงเคียงบ๊อก รีวิวโรงแรมและเตรียมปลั๊กไฟ เที่ยวเกาหลี ตอนสี่
และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปตามติดชีวิตทัวริสไทยในโคเรียกันต่อดีกว่าค่ะ ...
จับโดราเอม่อนเป็นเครื่องบูชายัญพิสูจน์ความรัก |
"Seoul Tower" แลนด์มาร์กสุดเด่นแห่งกรุงโซล ใครที่ไม่ได้ไปเยือนโซลทาวเวอร์ ถือว่ายังมาไม่ถึงโซลนะเจ้าค่ะ
แต่แล้วเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ฝนเจ้ากรรมดันตกหนัก!!! ตกชนิดไม่ลืมหูลืมตา จึงขอเตือนนักท่องเที่ยวไทยที่คิดจะไปเยือนเกาหลีช่วงฤดูร้อนว่า ท่านต้องทำใจยอมรับกับมรสุมใหญ่ที่มักจะพัดผ่านประเทศหมู่เกาะนี้อยู่เป็นอาจิณ แม้ก่อนเดินทางเราได้เช็คกับเว็บไซด์พยากรณ์อากาศแล้วได้ความว่าจะมีฝนตกหนักบ้างบางพื้นที่ซึ่งเราก็พยายามทำใจตั้งแต่ก่อนเดินทางแล้ว แต่พอต้องประสบกับฝนตกจริงๆก็รู้สึกแอบหงุดหงิดหัวใจ เริ่มด่าทอโชคชะตาใยเจ้าต้องพาฟ้าฝนมาตกในวันนี้ด้วย
ทัวร์ไทยจึงต้องไปอาศัยหลบฝนที่ห้างหรูจำหน่ายสินค้าแบรนดังในราคาชนบท (จำชื่อห้างไม่ได้ค่ะต้องขออภัย) และเช่นเคยเนื่องจากไม่ค่อยสนใจในการช้อปปิ้งสักเท่าไร จึงออกไปเดินเล่น(ทั้งๆที่ฝนตกนี้แหละ)รอบๆห้างแล้วก็พบกับ....
เผลอจิตคิดว่าตัวเองอยู่เมืองไทยไปแป๊บหนึ่ง นี่เราไม่ได้ตาฝาดไปใช่มั้ย?
นั้นมัน ภาษาไทย!!!
เป็นเครื่องบ่งชี้ชั้นยอดว่านักท่องเที่ยวไทยในบริเวณนี้คงเยอะน่าดูถึงกับต้องขึ้นป้ายโชว์เมนูอาหารเป็นภาษาไทยเลยทีเดียว
ว่าแล้วก็ไม่รอช้า รีบจ้ำๆไปที่ตู้ซาลาเปาทันใดนั้นเจ้าของร้านหน้าตาเรียลโคเรียก็ออกมาทักทายด้วยประโยคที่ว่า "มีแต่ซ้ายถั่วแลงงง..." อ้อ มีแต่ไส้ถั่วแดงเหรอค่ะโอ้ปป้า แล้วโกกิมันดูกับคิมบับล่ะ ? "มีแต่ซ้ายถั่วแลงงง!!!!" ... โอเคค่ะ ใจเย็นๆนะคะโอ้ปป้ามีอะไรค่อยๆพูดค่อยๆจากัน
ฉะนั้น "แคนไอแฮฟทู, พลีซ" ว่าแล้วโอ้ปป้าตาตี่ผู้พูดไทยด้วยสำเนียงเกาหลีก็หยิบซาลาเปาไส้ถั่วแดงใส่ถุงใสให้มาแลกกับเงิน 2,000 วอน (ลูกละประมาณ 35 บาท)
อร่อยดีค่ะ แป้งเหนียวนุ่ม ไส้อัดแน่น ซาลาเปาร้อนๆในวันฝนตกที่โคเรียช่วยสร้างความฟินไปอีกแบบ |
พระพิรุณคงพิโรธ ฝนตกหนักขึ้นเรื่อยๆจึงหลบไปนั่งชิวในร้านกาแฟแฟรนชายส์ชื่อดัง HOLLYS Coffee อารมณ์คล้ายๆกับกาแฟดอยช้างที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปในประเทศไทย ว่าแล้วก็เดินเข้าไปสั่งคอฟฟี่มินต์และโปเปโต้ครีมลาเต้มาลองชิมด้วยสนนราคาแก้วละ 5,600 วอน(ตกประมาณแก้วละ 200บาท)แพงยิ่งกว่าสตาร์บัคไทยแลนด์อีก จิบแกล้มกับซาลาเปาลูกใหญ่ อร่อยจนไม่อยากลุกไปไหน
........................................
Seoul Tower !!! โซลทาวเวอร์ อาคารชมวิวแบบพาโนราม่า
แต่ฝนยังไม่ทันเริ่มซา ทัวร์ไทยขาซ่าก็ต้องเริ่มออกเดินทางอีกครั้งเพื่อไปยังจุดหมาย ฝนตกเปาะแปะไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เนื่องจากเตรียมรับมือกับสภาพฟ้าฝนมาอย่างดี ว่าแล้วก็กางเสื้อคลุมฝนตัวสวยมาสวมใส่แล้วออกเดินลุยฝนไปอย่างไม่ลังเล เพื่อไต่ขึ้นเขานัมซานตรงไปยังโซลทาวเวอร์ ฉะนั้นใครที่อยากไปเที่ยวในช่วงฤดูร้อนโดยเฉพาะเดือนสิงหา อย่าลืมพกร่มเล็กๆหรือเสื้อคลุมฝนไปด้วยนะคะเดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน
ซ้าย คือภาพที่ควรจะถ่ายได้ // ขวา คือภาพที่ถ่ายได้ |
ต้องขอเล่าเรื่องเกี่ยวกับสถานที่นี้เล็กน้อยค่ะว่า ตอนนี้เรากำลังทอดน่องฝ่าฝนอยู่ที่บริเวณเขานัมซาน อันเป็นที่ตั้งของโซลทาวเวอร์จุดชมทัศนียภาพกรุงโซล ณ จุดความสูง 480เมตรจากระดับน้ำทะเล และการเดินทางนั้นจะแบ่งเป็นสองช่วงใหญ่ๆคือ ช่วงตีนเขาไปจนถึงช่วงกลางสามารถอาศัยรถเดินทางได้ แต่หลังจากนั้นไปจนถึงยอดเขาต้อง "เดินเท้า" เท่านั้น
และเนื่องจากทางเดินขึ้นเขานัมซานช่วงสุดท้ายนั้น ชันมาก!!! ต้องเสียพลังงานหลายร้อยแคลลอรี่กว่าจะถึงปลายทาง จึงเป็นที่มาก็ความเชื่อที่ว่าหากคู่หนุ่มสาวคู่ไหนสามารถเดินจับมือกันตลอดทางโดยไม่ปล่อยมือและสุดทางได้คล้องกุญแจคู่รัก ณ จุดชมวิวด้วยกันล่ะก็ คู่รักนั้นจะได้รับการอวยพรให้ประสบความสำเร็จในชีวิตรัก
เสมือนกับว่าเส้นทางเดินขึ้นเขาที่แสนชันนั้นเป็นอุปสรรคในชีวิต ฉะนั้นหากคู่ใดจับมือกันโดยไม่ปล่อยจากกันแล้วสามารถไปถึงยังจุดหมายพร้อมกันได้นั้น ก็เท่ากับไม่ว่าคุณจะพบปัญหาอะไรใดๆเกี่ยวกับชีวิตคู่ในอนาคต คุณทั้งสองคนก็จะสามารถฝ่าฟันมันไปได้ด้วยดี
ส่วนสาวโสดสนิทอย่างเราก็ได้แต่จับเสื้อคลุมฝนกระชับให้แน่นค่อยๆไต่เขาอันลาดชันขึ้นไปช้าๆ พิชิตยอดเขานัมซานตามลำพัง และเป็นเพราะสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย ภาพที่ถ่ายได้มาจึงออกแนว Vintage ขมุกขมัวดูไม่ค่อยชัด สวยไปอีกแบบ ... ซึ่งฝนตกหนักในวันนั้นไม่ได้ทำให้เรารู้สึกอารมณ์เสียแต่อย่างใด แต่เรากลับรู้สึกว่า "โชคดี" ที่ได้มาสัมผัสสถานที่พิเศษ ในบรรยากาศที่พิเศษ!!! จะมีคนไทยสักกี่คนกันที่ได้สัมผัสโซลทาวเวอร์ในวันที่ฝนตก ในวันที่คู่หนุ่มสาวยิ่งจับมือกันแน่นขึ้น ในวันที่ผู้คนนั่งเบียดกันจิบกาแฟร้อนๆ สายฝนลมหมอกช่วยปั้นบรรยากาศโรแมนติคได้ดีนักแล เนื่องจากบริษัททัวร์แจกแม่กุญแจให้คล้องฟรีแต่ดันไม่มีคู่ให้คล้องด้วย จึงได้แต่คล้องพลางบอกรักกับสายฝน หลังจากนั้นก็รีบแช๊ะๆภาพก่อนฝนตกจะตกหนักกว่านี้แล้วเดินกลับลงจากเขาด้วยสภาพที่เปียกปอน
... อย่าให้มีแฟนนะอ่อ แม่จะคล้องกุญแจสัก 100 คู่ ...
........................................
แวะร้านอาหารชื่อดัง สาขาเมียงดง บุกตลาดวัยรุ่นเกาหลี!!!
เป้าหมายต่อไปของเราก็คือ ย่านการค้าเมียงดง ตลาดวัยรุ่นใจกลางเมืองหลวง และเช่นเคยก่อนที่จะใช้แรงออกเดินซื้อของต้องขอแวะร้านอาหารอร่อยๆเพื่อเติมพลังกันก่อน ... กรุ๊ปทัวร์ VIP ของเราเดินตรงเข้าย่านการค้า เจอแยกแรกก็เลี้ยวซ้ายตรงไปเรื่อยๆ มองทางซ้ายมือก็จะพบกับร้านอาหารชื่อดังสุดหรูร้านนี้
จิมดักหลากหลายรูปแบบแผ่หลาหน้าตาน่ากินอย่าบอกใคร |
NEW ANDONG JIMDAK |
อย่างที่เคยเกริ่นไว้ใน เที่ยวเกาหลี ตอนสอง ว่าในแต่ละร้านอาหารส่วนใหญ่จะเสิร์ฟแค่เมนูเดียวเท่านั้น!!! เมื่อมาถึง อักดง จิมดัก อาหารที่ต้องสั่งก็เป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก "จิมดัก" หรือ "ไก่ผัดวุ้นเส้นเกาหลี"
พี่ไกด์เล่าให้ฟังสั้นๆว่า เจ้าจิมดักนี้มีรูปร่างหน้าตาต่างกันออกไปมากมาย(ดั่งปรากฎในรูปหน้าร้าน) แต่ก็ยังคงส่วนประกอบหลักเช่นเดิม ซึ่งไก่ผัดวุ้นเส้นเกาหลีนี้มีรสชาติให้เลือกตั้งแต่เผ็ดน้อย เผ็ดกลางและเผ็ดมาก และเพื่อความปลอดภัยของสุขภาพท้อง พี่ไกด์จึงสั่งจิมดักเผ็ดน้อยมาให้ได้ลิ้มลองกัน ่วาแล้วก็หยิบช้อนยาว เตรียมตะเกียบเหล็กของท่านให้พร้อมกับเมนูจานยักษ์เมนูนี้
จิมดักจานใหญ่นี้ประกอบไปด้วย ไก่ชิ้นโต วุ้นเส้นใสสไตล์เกาหลีนี้มีลักษณะเป็นเส้นแบนใหญ่ๆทำจากมันสำปะลังทำให้เหนียวนุ่มเป็นพิเศษผัดคลุกเคล้าทำซอสสูตรพิเศษ เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยชามร้อนและปิดท้ายด้วยกิมจิประจำร้าน
ถ้าสังเกตจะเห็นว่า ไก่ชิ้นใหญ่มากชนิดที่เสิร์ฟกันเป็นน่องๆเลยทีเดียว แถมวุ้นเส้นเจ้ากรรมก็เส้นยาวเป็นวากินไม่สะดวก ไม่รู้ด้วยเหตุผลกลอันใดที่อาหารเกาหลีส่วนใหญ่มักเสิร์ฟเป็นชิ้นใหญ่ ดังนั้น "กรรไกร" ผู้มักมีบทสำคัญอย่างในตอน เที่ยวเกาหลี ตอนสาม ก็กลับมาเป็นตัวช่วยอีกครา
ลงมือใช้กรรไกรตัดเส้นและไก่ฉับๆให้เป็นชิ้นเล็กพอดีคำ ก็เริ่มโช้ยซู้ดๆอาหารที่อยู่ตรงหน้า อร่อยเด็ดไม่เค็มหรือเผ็ดเกินไปตามด้วยข้าวสวยร้อนๆในวันฝนตก อร่อยอย่าบอกใคร ... แต่เนื่องจากเราไม่ค่อยชอบกินไก่เท่าไร มื้อนี้จึงขอให้ 3 ดาวเท่ากับไก่ผัดทัลคาบี้
เมื่อหนังท้องตึงแต่หนังตายังหย่อนไม่ได้ เลยรีบออกก้าวเดินจากร้านอาหารเข้าสู่ตลาดเมียงดง เทคนิคการเดินเที่ยวไม่ให้หลงและสามารถเดินเที่ยวดูได้ครบทุกซอยคือ เดินวนไปทิศเดียวเรื่อยๆจนครบทุกซอย เช่น เดินเจอแยกให้เลี้ยวซ้าย เจอแยกเลี้ยวซ้าย เจอแยกเลี้ยวซ้ายอีก เมื่อกลับมาจุดเริ่มต้นก็เริ่มวนขวา พอครบทั้งซอยก็เริ่มไปเดินวนที่ซอยใหม่ (พอเข้าใจมั้ยคะ ...ห้าๆ)
ขณะที่กำลังเดินเที่ยวอยู่นั้น ก็มีคุณลุงหน้าตาน่ากลัวน่าสงสัยคล้ายมาเฟียเดินคีบรองเท้าแตะเข้ามาถาม
>> Where are you from ?
>> Thailand
>> Oh! I love Thailand ,, Pattaya อาาา (คิดในใจลุงต้องการอะไรเนี้ย) สักพักเฮียแกก็หยื่นใบปลิวร้านนวดกากๆมาให้ สนมั้ย ? พลางชี้นิ้วไปบนตึกเก่าใกล้ๆนั้น
>> No, Thank you !!
พอสิ้นบทสนทนาลุงแกก็หันไป I love China กับนักท่องเที่ยวข้างๆต่อ ... คืออธิบายความรู้สึกที่ถูกทาบทามไม่ถูก กลัวระคนปนขำ ไม่รู้จะหลอกไปนวดราคาแพง หรือหลอกไปล้วงกระเป๋า หรือหลอกไปทำมิดีมิร้ายก็มิอาจรู้ได้ เกาหลีมิจฉาชีพแปลกๆก็มี
ก่อนเดินทางมาเที่ยวเกาหลี เราก็พยายามทำการบ้านหาข้อมูลการท่องเที่ยวซึ่งก็ไปพบกับเว็บไซด์แนะนำของกินเด็ดๆในย่านเมียงดง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ จิมดักร้านดัง และต่อมาคือ ไอศกรีมยาว ตอนนั่งดูรูปอยู่ที่ไทยน้ำลายไหลย้อยอยากกินมาก ตั้งปฎิฐานอย่างแรงกล้าว่าถ้าหากได้มาเยือนตลาดเมียงดงล่ะก็จะต้องขอลิ้มลองเจ้าไอศรีมนี้สักครั้ง ซึ่งเดินไปได้ไม่ไกลก็พบกับร้านทีตามหา
อย่าเพิ่งตกใจว่าทำไมภาพไอศกรีมภาพซ้ายกับขวาคนละสีกัน นี่ไม่ใช่ภาพตัดต่อแต่อย่างใดแต่มันคือไอศรีมทูโทนสองรสสองสีต่างหากล่ะเจ้าค่ะ หลังจากเดินตรงบนถนนหลักไปได้ไม่นานก็เจอร้านไอศกรีมสีขาวกับพนักงานชายในชุดสีแดงยืนบริการ ยืนชี้ๆไปที่ป้ายไม่ทันไรก็ได้ไอศกรีมโคนยาวรสช็อคโกแล็ต-สตอเบอร์รี่มาครอบครองด้วยราคา 2,000 วอน ไม่รอช้ารีบงับเข้าปาก
ไม่รู้เพราะว่าอากาศเย็นหรือเปล่า(ตอนนั้นฝนยังตกไม่หยุด)เลยทำให้รู้สึกว่า ไม่ค่อยอร่อย ... เนื้อไอศกรีมไม่เหนียวนุ่มอย่างที่คิดไว้คล้ายกับเคี้ยวเกล็ดน้ำแข็งหวานๆอยู่ ที่ประทับใจอยู่อย่างเดียวคือ รสช็อคโกแล็ตกับสตอเบอร์รี่ไม่หวานมากจนเกินไป ก็พอกินได้เพลินๆ กินไปได้ไม่เท่าไรก็ต้องขอสละลงถังขยะจนน้าแซวว่า "สรุปซื้อมาแค่ถ่ายรูปใช่มั้ย?" แต่ใครที่อยากลองซื้อกินบ้างก็ไม่ขัดศรัทธา ความชอบแต่ละคนไม่เหมือนกัน ลองไปชิมดูแล้วมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะคะว่า ชอบหรือเปล่า?
ถ้ามาเกาหลีแล้วไม่ซื้อเครื่องประทินผิวเดี๋ยวคนเขาจะหาว่ามาไม่ถึงเกาหลีจริงๆ เลยต้องแวะ Skinfood สักนิดสอยโฟมล้างหน้าว่านหางจระเข้มาสักหน่อย ตีเป็นเงินได้ประมาณ 180 กว่าบาท กลับมาอวดเพื่อนๆหนึ่งหลอดถ้วน และแล้วการเดินเที่ยวในตลาดเมียงดงก็จบลงเนื่องจากสภาพอากาศฟ้าฝนไม่เอื้ออำนวย
........................................
ลิ้มลองเมนูสุขภาพอย่าง ไก่ตุ๋นโสม หรือ ซัมกเยทัง!!!
ก่อนกลับไทย อยากย้อนกลับไปแนะนำอีกเมนูสุขภาพน่าสนใจที่เราได้ลิ้มชิมรสในวันที่สองที่มาเยือนเกาหลี และที่ร้านแห่งนี้เองมีตู้แช่ขายไอศกรีมแคนตาลูปเพียง 1,000 วอนรู้สึกเจ็บแค้นเล็กน้อยเพราะหลงซื้อในเซเว่น ด้วยราคา 1,700 วอน ... วนกลับมาที่มื้ออาหารของเราดีกว่าค่ะ
ซัมกเยทังหม้อนี้คือ ไก่หนุ่มวัยรุ่นทั้งตัว!!ยัดไส้ด้วยข้าว พุธราจีนและโสมต้มในน้ำซุปสีใส เสิร์ฟคู่กับเจ้าเส้นขาวๆคล้ายกับเส้นขนมจีนของไทยแต่สีจะคล้ำกว่าเล็กน้อยและเหนียวนุ่มมากกว่า กินกับเครื่องเคียงอย่างหัวไช้เท้าต้ม กิมจิเจ้าประจำ ปรุงรสด้วยเกลือพริกไทย
เนื่องจากเมนูนี้เป็นเมนูสุขภาพ รสชาติจึงจืดสนิทแถมมื้อนี้ไม่มีน้ำซอสจากไทยแลนด์มาช่วยชีวิต จืดปากจืดคอค่อยๆตักข้าวและแทะไก่จนหมด อย่างที่เคยเกริ่นไว้หลายครั้งว่าเราไม่ชอบกินไก่เท่าไร มื้อนี้จึงไม่ค่อยถูกปาก แต่สำหรับคนในครอบครัวเราเรากลับพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า อร่อย!! มื้อนี้เราขอให้ 3 ดาวเท่ากับเมนูไก่ทั้งหลายที่ได้กินมาแล้วกันค่ะ
ไก่ยัดไส้ข้าว กินพร้อมกับขนมจีนเส้นขาว |
จริงๆแล้วมีเรื่องราวเกิดขึ้นกับเรามากมาย เราได้ไปเยือน(แกมถูกกดดันให้ซื้อของแต่ถ้าไม่ซื้อก็ไม่เป็นไร)หลายสถานที่ ทั้งที่ศูนย์โสมเกาหลี ศูนย์น้ำมันสนแดง ศูนย์เครื่องสำอาง โรงงานสาหร่าย โรงเรียนสอนทำกิมจิเป็นต้น(เพราะด้วยเหตุผลที่เราพูดไว้ใน เที่ยวเกาหลี ตอนหนึ่ง) ซึ่งในระหว่างการเดินทางก็มีช่วงที่น่าเบื่อบ้างแต่ก็ทำใจให้สบาย คิดซะว่าเรามาเที่ยวกับทัวร์ จะให้ทุกอย่างถูกใจเรา 100% เลยมันก็เป็นไปไม่ได้
เก็บภาพในร้านอาหารมื้อสุดท้ายก่อนกลับไทย |
ทัวร์ไทยดีๆมีอยู่เยอะอยู่ที่ว่าคุณจะหามันเจอหรือไม่? ขอให้โชคดี 555
แต่ด้วยความคิดเห็นส่วนตัว...ย้ำว่า ความเห็นส่วนตัว ประเทศเกาหลีก็เป็นแค่ประเทศธรรมดาที่ไม่ค่อยมีอะไร ทรัพยากรธรรมชาติ สถานที่ท่องเที่ยวตื่นตาตื่นใจก็ยังมีน้อย การที่เขาสามารถสร้างและโปรโมทให้คนต่างชาติเข้ามาเที่ยวได้เยอะเช่นนี้ถือว่าสุดยอดมาก
แต่สำหรับเราครั้งเดียวก็เกินพอ ที่พูดแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าเที่ยวไม่สนุกนะคะ แต่การไป 5 วัน 3 คืนครั้งนี้เราได้สัมผัสครบทั้งเกาหลียุคเก่าและยุคใหม่ ขอพูดตรงๆค่ะว่าก็ไม่มีอะไรแปลกใหม่ที่เข้าขั้นว่าสามารถดึงดูดใจจนต้องกลับไปอีกครั้ง เที่ยวประเทศไทยของเราดีกว่า มีตั้งแต่ภูเขาสูงยันทะเลสวย ตั้งแต่หมู่บ้านชนบทไปจนถึงเมืองหลวงศิวิไลทันสมัยแถมได้ช่วยการค้าการเศรษฐกิจในประเทศอีกด้วย แต่สำหรับใครที่วางแผนอยากไปเที่ยวเกาหลีก็อย่าเพิ่งถอดใจ ประเทศนี้ก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีสำหรับนักท่องเที่ยวมือใหม่งบไม่สูง(หรืองบสูงก็มาเที่ยวได้) ถ้าได้ลองไปช่วงฤดูหนาวหรือใบไม้ผลิก็คงสวยไปอีกแบบ เลือกวางแผนเลือกสถานที่ท่องเที่ยวที่อยากไปจริงๆแล้วลงมือหาทัวร์หรือวางทริปแบ็คแพ็คโลด!!!
สรุปค่าใช้จ่ายและความประทับใจ
>> ค่าทัวร์ 15,800 บาท บวกค่าไกด์เกาหลี(ท้องถิ่น)จ่ายที่สุวรรณภูมิ 700 บาท
>> วางมัดจำครึ่งหนึ่งขณะจองทัวร์
>> พกเงินไป 5,000 บาท เหลือกลับ 1,000 กว่าบาท
>> ไปเที่ยวช่วงฤดูร้อน อย่าลืมพกร่ม(กันทั้งแดดและฝน)
>> น้ำเปล่าแพงกว่าขนม จงมั่นเติมน้ำในขวดน้ำของท่าน
>> สวยที่สุดคือ พระวังเคียงบ๊อก
>> คนเยอะที่สุดคือ เกาะนามิ
>> อร่อยที่สุดคือ หมูย่างบูลโกกิ
สำหรับใครที่เห็นสนใจ ไปทัวร์อะไร? วางแผนเลือกที่เที่ยวยังไงบ้าง? ก็หลังไมค์เข้ามาได้ตามอีเมลนี้ (jickamint@gmail.com) หรือจะทิ้งคำถามไว้ในช่องความคิดเห็นท้ายสุดก็ได้นะคะ
เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ใหม่ล่าสุด!!! คิดว่าทุกคนที่ฝันอยากไปเที่ยวญี่ปุ่นมักจะมีคำถามว่า ไปกับทัวร์หรือเที่ยวเองดี?และคำถามต่อมาคือ ไปเที่ยวเองยากมั้ย? แต่เนื่องจากไม่รู้จะเริ่มหาข้อมูลตรงไหน สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการใช้บริการทัวร์และอาจกลับไทยมาด้วยความผิดหวัง ...
เมื่อไม่นานมานี้เราเพิ่งไปเที่ยวเกาหลีมาค่ะ และในบทความตอนแรกนี้จะขอพาเพื่อนๆไปเที่ยวเกาะนามิ แวะซื้อของใน 7-11ที่เกาหลี ชิมขนมขึ้นชื่ออย่างไอศกรีมแคนตาลูปและนมกล้วยเที่ยวเกาหลี ตอนที่ 2
หลังจากเดินทางมาอย่างเหนื่อยหนักก็แวะเข้าพักที่ซูวอน เมืองแห่งพัคจีซอง จากนั้นมุ่งสู่วัดวาวูจองซา วัดเกาหลีชื่อดังอันตั้งอยู่ในหุบเขาห่างไกลตัวเมือง ไปทำความรู้จักกับประวัติอันยาวนานของวัดแห่งนี้กันค่ะ
เที่ยวเกาหลี ตอนที่ 3
แวะกินหมูย่าง บูลโกกิสุดอร่อย แล้วต่อด้วยเอเวอร์แลนด์สวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี และปิดท้ายด้วยการช้อปปิ้ง ณ ย่านการค้าทงแดมุน ช้อปของถูก หาของอร่อยกินถูกใจทัวริสไทยเป็นอย่างยิ่ง
เที่ยวเกาหลี ตอนที่ 4
เยี่ยมชมพระราชวังเคียงบ๊อค ราชวังหลวงในยุคโชชอน เดินเที่ยวแวะถ่ายจุดไฮไลท์สำคัญ แอบถ่ายรูปทหารยามเฝ้ายาม แล้วไปเติมพลังด้วยเมนูอร่อยๆอย่าง ชาบูชาบูเมนูธรรมดาที่ไม่ธรรมดา
เที่ยวเกาหลี ตอนจบ
เดินขึ้นเขานัมซานสู่ โซลทาวเวอร์ คล้องกุญแจคู่รักกับสายฝนและปิดท้ายด้วยทริปบุกทะลวงย่านการค้าเมียงดง เยือนร้าน อั๊กดง จิมดักชื่อดัง เดินเที่ยวช้อปปิ้งจนหน่ำใจก่อนเดินทางกลับ ไทย
วิธีแสดงความคิดเห็นบนบล๊อกผ่าน facebook
เลื่อนลงไปล่างสุดของบทความ คลิ๊กคำว่า "ไม่มีความคิดเห็น" เพื่อแสดงความคิดเห็น(งงมั้ยล่ะ) ตอนนี้เปิดให้แสดงความเห็นผ่าน facebook ได้สำหรับใครที่ไม่มี Account ของ Gmail นะคะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น