ภาพทั้งหมดผู้เขียนถ่ายเอง ทั้งภาพและเนื้อหาได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์ กรุณาอย่านำไปแอบอ้างหรือใช้เพื่อประการใดๆโดยไม่ได้รับอนุญาต
ในฐานะคนไทยใจรักในการท่องเที่ยว จองตั๋วเครื่องบินเอง หาโรงแรมที่พักเองและวางแผนเที่ยวเองแม้จะไปต่างจังหวัดต่างถิ่นแน่นอนว่าไม่จำเป็นใช้บริการทัวร์เต็มรูปแบบเหมือนเวลาไปต่างประเทศ ... คำถามถัดมาคือ จะเดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยวอย่างไรซึ่งเราพอสรุปวิธีการต่างๆที่เพื่อนๆสามารถเลือกใช้เมื่อมาเที่ยวภูเก็ต(หรือจังหวัดต่างๆ)ได้ดังนี้
- เช่ารถขับเอง
- เช่ารถบริการส่วนตัวพร้อมคนขับ
- ซื้อ One day trip ทัวร์ครึ่งวันหรือเต็มวัน
 |
| ขอเอาภาพสะพานรักสารสิน ขณะเดินทางออกจาก จ.ภูเก็ตมาฝากค่ะ |
สำหรับแผนการเที่ยวในวันที่สองนี้ เราและครอบครัวเลือกซื้อ One day trip ค่ะ ก่อนไปก็หาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆเตรียมไว้ก่อนแต่ยังไม่จองค่ะเนื่องจากได้รับคำแนะนำมาว่า สามารถหาซื้อได้ที่โรงแรมที่เข้าพักได้ โรงแรมส่วนใหญ่จะมีสำนักงานเล็กๆของบริษัททัวร์ให้บริการอยู่ ราคาพอๆกันและที่สำคัญสามารถสบายใจได้ว่าจะไม่ถูกหลอก
บางครั้งการสั่งซื้อทัวร์(รวมถึงสินค้าอื่นๆ)ทางอินเตอร์เน็ตแม้จะสะดวกสบายแต่ก็ไม่มีอะไรการันตีได้ว่าเมื่อโอนเงินแล้วจะมีรถมารับที่โรงแรมจริง แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความสะดวกว่าต้องการจองก่อนหรือลองเสี่ยงดวงไปดูวันใกล้เดินทางและส่วนคุณภาพของทัวร์จะดีหรือไม่ก็ต้องพิจารณากันเอาเอง อย่าหลงโฆษณา อย่าโลภของถูก
และอีกข้อหนึ่งที่ได้รับการบอกต่อกันมาว่า ราคาหน้าเว็บ หน้าร้านจะขายในราคาต่างชาติหากซื้อในฐานะคนไทยก็ได้ถูกกว่า ... เรื่องนี้เรื่องจริงค่ะ ... ไม่ใช่เพราะผู้ประกอบการคิดเอาเปรียบนะคะแต่เป็นธรรมดาทางการค้าขาย(กับต่างชาติ) เช่นด้วยกับเมื่อคนไทยไปเกาหลีไปญี่ปุ่น เวลาซื้อทัวร์หรือเข้าชมสถานที่ต่างๆก็ต้องจ่ายในราคาสูงกว่าประชาชนของเขาอยู่แล้ว ฉะนั้นเป็นเรื่องปกติ อย่าพึ่งตกใจในราคาที่เห็นให้ลองถามหาราคาสำหรับคนไทยก่อนนะคะ
ส่วนบริษัททัวร์ที่โรงแรมที่เราเข้าพักดูน่าเชื่อถือเลยทีเดียว มีพี่สาวคอยอธิบายและแนะนำโปรแกรมต่างๆให้และในที่สุดก็ตัดสินใจซื้อ One day trip ไปจังหวัดพังงาเที่ยววัดสุวรรณคูหา -- เกาะปันหยี -- เขาตาปูค่ะ หลักจากซื้อทัวร์หลักพันที่โรงแรม เช้าวันต่อมาก็มีรถตู้ 12 ที่นั่งมารับ .... โดยเป้าหมายแรกของเราคือ "วัดสุวรรณคูหา" ณ อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา
มีคำบอกเล่าว่ามีพระภิกษุและสามเณรมาพบถ้ำแถบนี้และใช้เป็นที่ปฏิบัติธรรม ต่อมาทั้งสองได้มรณภาพลงกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำวัด เรียกว่า “พ่อท่านเจ้าถ้ำ” และ “พ่อท่านเจ้าเณร” ประมาณ พ.ศ.2328 และพ.ศ.2352 พม่าเข้ามาตีเมืองตะกั่วทุ่งเดิม ผู้คนจึงอพยพมาอยู่แถบนี้ตั้งเป็นเมืองตะกั่วทุ่งใหม่ โดยพระยาบริสุทธิ์คีรีศรีพิไชยสงคราม ต้นตระกูล ณ ตะกั่วทุ่ง ได้จัดการบูรณปฏิสังขรณ์วัดขึ้น และถือเป็นวัดประจำตระกูล (ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก Thailand 360)
สำหรับชาวต่างชาติคงตื่นตาตื่นใจที่ได้ชมถ้ำ ชมพระพุทธรูปแต่สำหรับคนไทยอย่างเราที่คงเคยชมวัดในถ้ำมามากเลยไม่รู้สึกตื่นเต้นเท่าไร แต่ที่ประทับใจสุดๆคือ "ลิง" ... บริเวณวัดมีลิงจ๋อเยอะแยะเต็มไปหมดเลย พี่ไกด์บอกว่าอย่าสบตาลิงนะคะ!! ไม่งั้นมันจะเข้ารุมขออาหาร เอาล่ะซิ ทีนี้จะถ่ายรูปลิงโดยไม่มองหน้ามันได้ยังไงล้า!!! ก็เลยยกมือถือถ่ายโดยพยายามโฟกัสบนกรอบสี่เหลี่ยมหน้าจอเท่านั้น ได้ภาพน่ารักๆมาเพียบเลยค่ะ
หลังจากเที่ยวชมวัดประมาณครึ่งชั่วโมง พี่ไกด์ก็แจ้งว่า วันนี้ฟ้าเปิด คลื่นลมไม่แรงสามารถออกเรือได้ ดังนั้นเราจึงออกเดินทางไปที่ท่าเรือเพื่อเดินทางไปนั่งแคนนูเที่ยวถ้ำเขาทะลุสักเล็กน้อย แล้วต่อด้วย "เกาะปันหยี" เพื่อแวะทานข้าวกลางวัน ซื้อของฝากเล็กน้อยแล้วจึงออกเดินทางต่อไป "เขาตาปู"
พระอาทิตย์เหนือหัวทำมุมเฉียง 45 องศา แสงแดดกำลังแผดเผาเต็มที่ เราและคณะทัวร์ก็มาถึงบริเวณลงเรือแคนนูเพื่อลอดถ้าเขาทะลุ ก่อนอื่นก็ต้องขึ้นเรือใหญ่ที่บริษัททัวร์จัดเตรียมไว้ให้เพื่อฝากสัมภาระและสวมชูชีพลงแคนนู เป็นช่วงที่เราประทับและสนุกที่สุดในการมาทัวร์ของวันนี้เลยค่ะ
ยืนรอไม่นานนักพายแคนนูมือฉมังก็เทียบท่าพาเราและครอบครัวออกไปในทะเล ... ก่อนลงแคนนูจะมีการแจกถุงพลาสติกใสไว้สำหรับใส่อุปกรณ์สื่อสารต่างๆและด้วยความซุ่มซ่ามของเรา เราทำมือถือตกทะเลค่ะ!!!! โอ๊ยๆตายๆ จำได้ว่าเห็นมือถือ(ที่อยู่ในถุง)ค่อยๆจมลงทะเล แต่โชคดีเพราะมัดถุงโดยที่มีลมค้างในถุงเยอะและมัดแน่นมากเลยกู้ร่างมือถือสุดรักที่ใช้ถ่ายภาพวิวในการเที่ยวทั้งหมด!!ได้ทัน มิฉะนั้นคงไม่มีภาพสวยๆกลับมาฝากทุกคนอย่างแน่นอน
ซึ่งในบริเวณที่เรามาพายแคนนูกันนี้ มองไปจะเห็นเขาตั้งอยู่ในทะเลและมีช่องว่างระหว่างกลาง จึงถูกเรียกว่า ถ้ำเขาทะลุค่ะ ใช้เวลาประมาณ 20นาทีก็ชมวิวบนแคนนูเสร็จ ก่อนจะบอกลาพี่นักพายก็อย่าลืมให้ทิปพวกพี่ๆด้วยนะคะ จึงกลับมาขึ้นเรือใหญ่ หลังจากเข้าห้องน้ำ(บนเรือ) ทานอาหารว่าง(บนเรือ)และเดินถ่ายรูปจุใจแล้วก็ออกเดินทางต่อไปเกาะปันยีกันค่ะ
เที่ยวภูเก็ต 4 วัน 3 คืน ใหม่ล่าสุด !!!
วันแรกขอพาทุกคนเข้าพักโรงแรมสุดหรูบริเวณหาดป่าตอง บริการดีประทับใจ ที่สำคัญบรรยากาศโรงแรมสวยงามมากสมคำร่ำลือกับที่นี้ โรงแรมดวงจิตต์ แอนด์ สปา
เที่ยวภูเก็ต 4 วัน 3 คืน ใหม่ล่าสุด !!!
พักที่โรงแรมดวงจิตต์ รีสอร์ทแอนด์สปา นอกจากจะได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศรีสอร์ทสุดหรูแล้วที่ขาดไม่ได้คือ "การทำสปา"ค่ะ
เที่ยวภูเก็ต 4 วัน 3 คืน ใหม่ล่าสุด !!!
ทาครีมกันแดดให้เรียบร้อยแล้วคว้าหมวกใบเก่งออกเดินจากโรงแรม ใช้เวลาไม่ถึง 3 นาทีก็ถึง "หาดป่าตอง" ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นหาดที่มีชื่อเสียงมากที่สุดทั้งในไทยและต่างประเทศ
มีคำบอกเล่าว่ามีพระภิกษุและสามเณรมาพบถ้ำแถบนี้และใช้เป็นที่ปฏิบัติธรรม ต่อมาทั้งสองได้มรณภาพลงกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำวัด เรียกว่า “พ่อท่านเจ้าถ้ำ” และ “พ่อท่านเจ้าเณร” ประมาณ พ.ศ.2328 และพ.ศ.2352 พม่าเข้ามาตีเมืองตะกั่วทุ่งเดิม ผู้คนจึงอพยพมาอยู่แถบนี้ตั้งเป็นเมืองตะกั่วทุ่งใหม่ โดยพระยาบริสุทธิ์คีรีศรีพิไชยสงคราม ต้นตระกูล ณ ตะกั่วทุ่ง ได้จัดการบูรณปฏิสังขรณ์วัดขึ้น และถือเป็นวัดประจำตระกูล (ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก Thailand 360)
สำหรับชาวต่างชาติคงตื่นตาตื่นใจที่ได้ชมถ้ำ ชมพระพุทธรูปแต่สำหรับคนไทยอย่างเราที่คงเคยชมวัดในถ้ำมามากเลยไม่รู้สึกตื่นเต้นเท่าไร แต่ที่ประทับใจสุดๆคือ "ลิง" ... บริเวณวัดมีลิงจ๋อเยอะแยะเต็มไปหมดเลย พี่ไกด์บอกว่าอย่าสบตาลิงนะคะ!! ไม่งั้นมันจะเข้ารุมขออาหาร เอาล่ะซิ ทีนี้จะถ่ายรูปลิงโดยไม่มองหน้ามันได้ยังไงล้า!!! ก็เลยยกมือถือถ่ายโดยพยายามโฟกัสบนกรอบสี่เหลี่ยมหน้าจอเท่านั้น ได้ภาพน่ารักๆมาเพียบเลยค่ะ
 |
| จริงๆแล้วน้องลิงก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดนะคะ |
 |
| ท่าเรือหางยาวใหญ่ |
 |
| วิวสองข้างทาง |
พระอาทิตย์เหนือหัวทำมุมเฉียง 45 องศา แสงแดดกำลังแผดเผาเต็มที่ เราและคณะทัวร์ก็มาถึงบริเวณลงเรือแคนนูเพื่อลอดถ้าเขาทะลุ ก่อนอื่นก็ต้องขึ้นเรือใหญ่ที่บริษัททัวร์จัดเตรียมไว้ให้เพื่อฝากสัมภาระและสวมชูชีพลงแคนนู เป็นช่วงที่เราประทับและสนุกที่สุดในการมาทัวร์ของวันนี้เลยค่ะ
ยืนรอไม่นานนักพายแคนนูมือฉมังก็เทียบท่าพาเราและครอบครัวออกไปในทะเล ... ก่อนลงแคนนูจะมีการแจกถุงพลาสติกใสไว้สำหรับใส่อุปกรณ์สื่อสารต่างๆและด้วยความซุ่มซ่ามของเรา เราทำมือถือตกทะเลค่ะ!!!! โอ๊ยๆตายๆ จำได้ว่าเห็นมือถือ(ที่อยู่ในถุง)ค่อยๆจมลงทะเล แต่โชคดีเพราะมัดถุงโดยที่มีลมค้างในถุงเยอะและมัดแน่นมากเลยกู้ร่างมือถือสุดรักที่ใช้ถ่ายภาพวิวในการเที่ยวทั้งหมด!!ได้ทัน มิฉะนั้นคงไม่มีภาพสวยๆกลับมาฝากทุกคนอย่างแน่นอน
 |
| ก่อนลอดถ้ำ ตื่นเต้นๆ หลังจากถ่ายภาพนี้เสร็จก็ทำมือถือตกน้ำค่ะ |
ซึ่งในบริเวณที่เรามาพายแคนนูกันนี้ มองไปจะเห็นเขาตั้งอยู่ในทะเลและมีช่องว่างระหว่างกลาง จึงถูกเรียกว่า ถ้ำเขาทะลุค่ะ ใช้เวลาประมาณ 20นาทีก็ชมวิวบนแคนนูเสร็จ ก่อนจะบอกลาพี่นักพายก็อย่าลืมให้ทิปพวกพี่ๆด้วยนะคะ จึงกลับมาขึ้นเรือใหญ่ หลังจากเข้าห้องน้ำ(บนเรือ) ทานอาหารว่าง(บนเรือ)และเดินถ่ายรูปจุใจแล้วก็ออกเดินทางต่อไปเกาะปันยีกันค่ะ
วันแรกขอพาทุกคนเข้าพักโรงแรมสุดหรูบริเวณหาดป่าตอง บริการดีประทับใจ ที่สำคัญบรรยากาศโรงแรมสวยงามมากสมคำร่ำลือกับที่นี้ โรงแรมดวงจิตต์ แอนด์ สปา
พักที่โรงแรมดวงจิตต์ รีสอร์ทแอนด์สปา นอกจากจะได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศรีสอร์ทสุดหรูแล้วที่ขาดไม่ได้คือ "การทำสปา"ค่ะ
ทาครีมกันแดดให้เรียบร้อยแล้วคว้าหมวกใบเก่งออกเดินจากโรงแรม ใช้เวลาไม่ถึง 3 นาทีก็ถึง "หาดป่าตอง" ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นหาดที่มีชื่อเสียงมากที่สุดทั้งในไทยและต่างประเทศ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น