ต่อจาก เที่ยวเกาหลี ตอนสอง เราใช้เวลาเกือบชั่วโมงในการเดินทางลงจากเขาอันเป็นที่ตั้งของวัด ก่อนที่เราจะไปตะลุยแอเวอร์แลนด์และตลาดทงแดมุนกัน ก่อนอื่นต้องแวะเติมพลัง ...
ซึ่งการเดินทางด้วยรถบัสมายังร้านนั้นสะดวกสบาย รวดเร็ว เนื่องจากถนนที่เกาหลีจะมี Bus line ตีเส้นด้วยสีฟ้าสำหรับให้รถทัวร์วิ่งโดยเฉพาะ เป็นการช่วยลดภาวะรถติดได้ทางหนึ่ง
ภาพนี้ไม่ใช่ภาพร้านอาหารนะคะ แต่เป็นภาพ Local มินิมาร์ทซึ่งตั้งอยู่บนแยกร้านอาหาร ดูคลาสิคดีแล้วคว้ากล้องขึ้นเช๊ะภาพ ... ท้องฟ้าขมุกขมัวคล้ายฝนจะตก ในใจก็ได้แต่ภาวนาอ้อนวอนเทพเจ้าขออย่าให้ฝนตกด้วยเถิด
มื้อนี้ขอนำเสนอ Bulgogi หรือ บูลโกกิ หรือ หมูย่าง!!!
เนื่องจากทัวร์ได้ติดต่อกับร้านอาหารไว้แล้ว เมื่อมาถึงก็พบกับอาหารหน้าตาน่าทานแบบนี้รออยู่ ถ้าสังเกตจะเห็นว่าเนื้อหมูชิ้นใหญ่มาก ... หลังจากใช้ชีวิต 5 วัน 3 คืนที่เกาหลีเราก็ตรัสรู้ว่า อาหารเกาหลีมักจะเสิร์ฟเป็นชิ้นใหญ่ๆ(ดังที่จะได้เห็นในมื้อต่อๆไป)
ชิ้นใหญ่แบบนี้จะกินยังไงล่ะ? ขอมีดหั่นได้มั้ยคะ? งงอยู่สักพักก็ตรัสรู้อีกครั้งว่า เขาเสิร์ฟ "กรรไกร" มากับอาหารด้วยเพื่อใช้ในการตัดอาหาร ตอนแรกก็ยอมรับว่ารู้สึกแปลกๆ แต่พอหลังจากได้ใช้เจ้ากรรไกรตัดอาหารกินเกือบทุกมื้อ ก็เริ่มรู้สึกชอบขึ้นมา สะดวกมือใช้ง่าย จนอยากได้กรรไกรไปเสนอขายในทีวีไดเร็กที่ประเทศไทย
เพื่อมิให้เป็นการเสียเวลา เรามาทำความรู้จักกับ บูลโกกิกันค่ะ
บูลโกกิ คือเมนูเนื้อย่างสไตล์เกาหลี ซึ่งมื้อนี้ขอเราเป็น Pork Bulgogi เนื้อหมูย่าง เสิร์ฟพร้อมกับเครื่องเคียงแนะนำจากซ้ายไปขวา จากบนลงล่างดังนี้ ยำถั่วงอกเย็น - ซอสเต้าเจี๊ยว - กิมจิสูตรพิเศษของร้าน - สลัดกะหล่ำปลีเย็น - ผักกวางตุ้งคลุกงา และ มันฝรั่งต้ม เสิร์ฟพร้อมข้าวและซุปสาหร่าย(ใช่ค่ะ ถ้วยที่เหมือนใส่เฉาก๋วยบนสุดนั้นแล คือซุปสาหร่าย)
พอเนื้อหมูเริ่มสุกได้ที่ก็หยิบกรรไกรตัดๆๆ เนื้อหมูให้เป็นชิ้นเล็กพอคำ จิ้มซอสสูตรเด็ดแล้วเข้าปาก !!!ง่ำ!!!
เห็นธรรมดาๆแบบนี้ อยากจะบอกทุกท่านว่า "เนื้อหมูนุ่มม๊วก" เนื้อหวานฉ่ำ ชนิดที่ไม่ต้องจิ้มซอสใดๆก็อร่อยเหาะไปสวรรค์ มื้อนี้เราขอยกให้ 5 ดาวค่ะ!!! แซงหน้าความอร่อยของทัลคาบิและไส้กรอกบาบิคิวไปชนิดทิ้งไม่เห็นฝุ่น
ถ้าใครลองสังเกตซอสให้ดี จะเห็นว่ามันไม่ใช่ซอสเต้าเจียวเหมือนในรูปแรก แถมเจ้าซอสนี้มีเม็ดพริกปนอยู่ด้วย ... ขอบอกเลยว่าเจ้าซอสปริศนานี้อร่อย รสกลมกล่อมยิ่งกว่าซอสใดๆที่เคยกินมา ซึ่งเจ้าซอสนี้มีเสิร์ฟทุกร้านที่ไปกิน ... สุดท้ายก็เฉลยขอสงสัยในวันสุดท้ายก่อนกลับไทย ก่อนลุกจากโต๊ะอาหารมื้อสุดท้ายที่เกาหลี เราเห็นขวดซอสตั้งอยู่เลยสะกิดพี่ไกด์ว่า
> ของพี่หรือเปล่าคะ?
> ใช่แล้วค่ะ แต่ทิ้งมันไว้นั้นแหละ พี่ขี้เกียจเอากลับไทย
> หืม?
> บริษัททัวร์เขาให้ซอสนี้ติดมา พี่นึกว่าจะหมดก่อนกลับไทยซะอีก พี่ลืมให้ทุกคนกินในมื้อไก่ตุ๋นมันเลยเหลือ เสียดายน้ำจิ้มอร่อยด้วย
สรุปคือซอสปริศนารสชาติดีนี้ไม่ใช่ของอื่นใด แต่มาจากไทยแลนด์นี้เอง ก็ถึงว่าทำไมรู้สึกว่ามันอร่อยถูกปากกำลังจะชมแม่ครัวเกาหลีแล้วเชียวว่าปรุงซอสได้แซ่บอร่อยถูกใจ ... ต้องขอยอมรับเลยค่ะว่า ซอสนี้ช่วยชีวิตเรามาหลายมื้อแล้วเพราะ อาหารเกาหลีค่อนข้างจืด ส่วนมื้อไหนที่เผ็ดก็คือเผ็ดแหลมไม่มีรสอื่นตัดเลย มีแต่ซอสนี้แลที่ช่วยให้อาหารอูมามิมากขึ้น
หลังจากทานอาหาร ซื้อของฝากเล็กน้อยที่ร้านแล้วออกเดินทางไป "เอเวอร์แลนด์"!!!
จากร้านอาหารไปไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก็ถึงสวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี ... จะสังเกตเห็นว่าระยะเวลาการเดินทางจากสถานที่หนึ่งไปอีกที่ค่อนข้างนานนั้นไม่ใช่เพราะรถติดแต่อย่างใด แต่เพราะสถานที่แต่ละที่ค่อนข้างห่างกันเลยต้องใช้เวลาเดินทางค่อนข้างเยอะ ซึ่งจะต่างกับวันที่เราได้ไปเยือนกรุงโซล ใช้เวลาเดินทางไม่ถึง 10 นาทีในการเยื่อนสถานที่ต่างๆ
เราคิดว่าทุกคนคงเคยเห็นภาพของสวนสนุกมานักต่อนักแล้ว เราจะไม่อธิบายอะไรมากแต่ขอบอกเลยว่า เอเวอร์แลนด์เป็นสวนสนุกที่สวยสุดยอด กว้างใหญ่ มีเครื่องเล่นเยอะมาก แต่เนื่องจากไปกับทัวร์เวลาจึงค่อนข้างจำกัด เที่ยวยังไม่ทันจุใจก็ต้องกลับแล้ว จึงสัญญากับตัวเองว่า(ถ้า)มีโอกาสได้ไปเกาหลีอีกครั้ง จะกลับไปเอเวอร์แลนด์อย่างแน่นอน!!! ขอเชิญพบกับภาพไฮไลท์ของการเดินเที่ยว 2 ชั่วโมงที่เอเวอร์แลนด์ได้ ณ บัดนี้
ทางบริเวณทางเข้าเอเวอร์แลนด์ ปล. ท้องฟ้าปอดโปร่งสดใสขึ้นแล้ว การสวดอ้อนวอนกับเทพเจ้าของเราได้ผล |
ฮอลคอนเสิร์ต (ซ้าย) ขณะนั่งเก้าอี้ลอยฟ้าข้ามฝากไปเยือนอีกฟากของสวนสนุก (ขวา) |
ในเอเวอร์แลนด์หา"ถังขยะ"ยากมาก แต่น่าแปลกใจที่ถึงแม้ว่าถังขยะจะหายากเพียงใด แต่ก็ไม่เห็นขยะถูกทิ้งวางเรี่ยราดสักชิ้น ถ้ามีสิ่งแปลกปลอมตกถึงพื้นปุ๊บจะมีอาจูม่าเดินมาเก็บปั๊บ สงสัยว่าเกาหลีใต้มีบุคคลากรในการทำความสะอาดคิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมดค่ะ?
และแล้วก็ได้ค้นพบว่า คนเกาหลีส่วนใหญ่(ที่เจอ)ฟังเข้าใจอังกฤษ แต่เวลาพูดสำเนียงเข้าใจยากสุดๆกล่าวคือ ต้องใช้เวลาทำความเข้าใจกับการฟังการอธิบายรสชาติของไอศกรีมนานมาก สุดท้ายตัดปัญหาด้วยการบอกว่า "เอารสไหนก็ได้ที่คุณชอบ" จึงเป็นที่มาของไอศกรีมรสผลไม้ - เรนโบว์และช๊อคโก้กล้วย ... อร่อยดี ไม่ผิดหวัง ... หลังจากเดินเล่น ถ่ายรูป กินไอศกรีมเรียบร้อยก็กระโดดขึ้นรถบัสไปต่อโลด
ตะลุยตลาดทงแดมุน!!!
หลังจากตะเวนเที่ยวรอบเมืองมานาน ตอนนี้ก็ได้เวลาเดินทางเข้าสู่กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลีใต้แล้วค่ะ แม้ว่าจะเป็นถึงเมืองหลวงของประเทศแต่รถกลับไม่ติด ต่างจากบางกอก ไทยแลนด์โดยสิ้นเชิง รสบัสทัวร์ของเราวิ่งช้าๆในช่อง Bus line พาคณะทัวร์ไปทิ้งไว้ที่ย่านการค้าชื่อดัง "ทงแดมุน"
กว่าจะถึงย่านการค้าแห่งนี้ ก็ล่วงเวลาไปประมาณ 5 โมงเย็น แต่ท้องฟ้ายังสว่างอยู่ช่างเหมาะกับการช้อปปิ้ง ...ยินดีต้อนรับสู่ย่านการค้าเกาหลีที่มีชื่อเล่นไทยๆว่า แพตตินั่มเกาหลี คร้า!!!
ภาพนี้คือตรงแยกหลักของทงแดมุน ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับหอประชุมแห่งชาติเกาหลี และขอเตือนทุกท่านว่า ณ แยกนี้เองคือโซนนิ่งสำหรับผู้สุบบุหรี่ ฉะนั้นผู้ใดที่ไม่สูบบุหรี่อย่าลืมสูดหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดเยอะๆก่อนที่จะเดินผ่านแยกนี้ สารภาพว่าตอนแรกหงุดหงิดมากที่ทำไมตรงนี้มีคนยืนสูบบุหรี่เยอะจัง แต่แล้วก็หันไปเห็นป้าย Smoking Area ก็เลยได้แต่ทำใจ ยืนอยู่ท่ามกลางหมอกควันเพื่อถ่ายรูปต่อไป
พี่ไกด์เจ้าเดิมเล่าให้ฟังว่า ตลาดนี้เป็นที่นิยม ฮิตฮอตของวัยรุ่นเกาหลีมากเนื่องจากสามารถหาซื้อเสื้อผ้าแฟชั่นราคาถูกได้ด้วยราคาเพียงตัวละ 10,000 วอน (ประมาณ 300 กว่าบาท)
พี่ไกด์ฐานะสะไภ้เกาหลี แกบอกว่าเนื่องจากเกาหลีมีพื้นที่ประเทศน้อย ผู้คนต้องอยู่ตามตึกสูง เนื้อที่บ้านคับแคบทำให้ที่เก็บเสื้อผ้ามีน้อย คนเกาหลีจึงมักจะซื้อเสื้อผ้าเพื่อ "ใส่แล้วทิ้ง" ทุกครั้งที่เปลี่ยนฤดูกาลพวกเขาจะทิ้งเสื้อผ้าที่ใส่ในฤดูก่อนแล้วซื้อเสื้อผ้าสำหรับฤดูใหม่ใส่แทน และนั้นเป็นที่มาของ...
หนึ่ง ทำไมคนเกาหลีถึงเป็นเจ้าแห่งแฟชั่น เนื่องจากพวกเขาต้องทิ้งเสื้อผ้าอยู่เสมอๆจึงมีโอกาสซื้อเสื้อผ้าใหม่ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา
สอง จึงมีเสื้อผ้าจำนวนมากถูกส่งออกขายในฐานะเสื้อผ้ามือสอง(เช่นเดียวกับประเทศญี่ปุ่น)และนั้นคือเหตุผลที่ทำไมเราถึงเห็นร้านเสื้อผ้ามือสองจากเกาหลีมากมาย เพื่อเอาใจพวกเราคนไทยผู้ชอบบ้าหอบฟาง ชอบสะสมทรัพย์ ไปซื้อขยะของเขามาสวมใส่ ... ทำเป็นพูดดี ตอนนี้ในตู้เสื้อผ้าเราเองก็มีเสื้อผ้าราคาถูกจากเกาหลี ญี่ปุ่นเพียบเลยคร้า!!!
เหตุผลที่เงินจำนวน 10,000 วอนสำหรับคนเกาหลีถือว่าถูกก็เป็นเพราะว่า ค่าครองชีพประเทศเกาหลีสูงกว่าประเทศไทยถึง 3.5 เท่า พวกเขาคงมองเงิน 10,000 วอนเหมือนแบงค์ร้อยไทยที่สมัยนี้หยิบจับอะไรขอแค่ให้ราคาอยู่ในโซนแบงค์แดงไม่กี่ใบก็ถือว่าถูก ควักไม่อั้น ... อยากจะบอกชาวเกาหลีใต้ทุกท่านให้ทราบว่า คำว่าเสื้อผ้าราคาถูกของไทยแลนด์คือ 199 ค่ะประมาณ 5,000 วอนเท่านั้น !!!Amazing Thailand!!! มั้ยล่ะโคเรีย
เดินไปได้ไม่เท่าไร เรดาร์แสกนของถูก ก็ร้อง ติ๊ดดด!!
ผ่านร้านขายหมวกข้างทางแห่งหนึ่ง ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจเพราะร้านขายหมวกที่เดินผ่านๆมา หมวกแก๊ปแฟชั่นจะสนนราคาอยู่ที่ประมาณ 15,000-25,000 วอนแต่ขณะที่กำลังจะเดินผ่านร้านนี้ไป เรดาร์ของเราก็ร้องดังขึ้นเรื่อยๆจนต้องกลับหันไปมองป้ายร้าน
ภาพที่ถ่ายยืนยันกับเพื่อนว่า ชื้อหมวกฝากพวกเธอจากเกาหลีจริงๆนะ ขออภัยที่ภาพเล็กไปนิด : อาคารสีเทาด้านหลังที่ประดับด้วยธงชาติคือ หอประชุมแห่งชาติเกาหลี |
รับ น้ำส้มคั้นสดๆมั้ยค่ะ?
ขณะที่กำลังเดินคอแห้ง ก็เหมือนฟ้ามาโปรดได้เจอกับร้านขายน้ำผลไม้ไม่รอช้ารีบตรงดิ่งเข้าชาร์ต สั่งเร็วพลัน วัน-ออเรนจูซ-พลีส
จากนั้นก็เริ่มเข้าใจสัจธรรมว่า เกาหลีเป็นประเทศเกาะ นอกจากผลไม้ขึ้นชื่อของเกาหลีอย่างลูกพลับแล้วผลไม้ชนิดอื่นคงปลูกขึ้นยาก ดังนั้นเมื่อ Demand สูง Supply ต่ำ ผลไม้มีย่อมราคาแพงเป็นธรรมดา เมื่อเข้าใจดังนี้แล้วก็เอื้อมมือรับน้ำส้มราคา 120 บาทมาดูดด้วยความขมขื่น เอ๊ย สดชื่น ... จริงๆนะคะ น้ำส้มคั้นเขาอร่อยจริง ไม่รู้ว่าราคาอันสูงลิ่วเป็นตัวช่วยชูรสหรือไม่ แต่ประทับใจเจ้าน้ำส้มคั้นถุงนี้จริงๆค่ะจนต้องขอถ่ายรูปมาอวดทุกคน
ระหว่างเดินทอดน่องบนท้องถนนก็เจอกับ....!?!
ทุกคนลองเดากันซิคะว่า เจ้ากล่องติดล้อสิ่งนี้ มันคืออะไร? ไว้ใช้ทำอะไร ?
ทามเมทชีน ?
สกูตเตอร์รุ่นใหม่ ?
คูลเลอร์แช่เย็น ?
จริงๆแล้ว เจ้าสิ่งนี้คือ
!!!รถเข็นสาวยาคูลท์!!!
ถ้านึกของคู่ชีพสาวยูคูลท์ไทยก็จะนึกถึงรถมอไซด์ซ้อนท้ายด้วยกล่องอะลูมิเนี่ยมแปะป้ายยาคูลท์สีแดง -น้ำเงิน ส่วนสาวยาคูลท์เกาหลีก็มีเจ้านี้แหละค่ะ รถเข็นยาคูลท์ หรือที่คนเกาหลีออกเสียงว่า ยา-คุ-รุ ออกเข็นขาย ... ตอนเดินผ่านเห็นว่าน่ารัก แปลกดีเลยยกกล้องถ่ายเร็วๆกลัวสาวยาคูลท์เดินมาห้าม No Photo นะยู
เราเดินเรื่อยๆจนหยุดที่หน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ก็เจอกับเจ้าตู้หน้าตาแปลกประหลาดนี้ตั้งอยู่!!!
ซึ่งมันเป็นสิ่งประดิษฐ์อีกอย่างที่เราปลื้มสุดๆ ก่อนจะเฉลย ทุกคนลองเดากันอีกครั้งซิคะว่า มันคืออะไร?
ถังขยะรุ่นใหม่ ?
ที่เขี่ยบุหรี่แบบใหม่ ?
เฉลยจร้า เจ้าตู้ประหลาดนี้คือ
!!!ที่สำหรับห่อร่ม!!!
ลองจินตนาการทุกท่านกำลังเดินกางร่มฝ่าสายฝน เมื่อต้องเข้าในอาคารก็ต้องเก็บร่ม ซึ่งถ้าเป็นประเทศไทยเราสามารถเสียบร่มไว้ที่ราวเหล็กหน้าห้างได้ ส่วนที่เกาหลีเมื่อเราหุบร่มแล้วก็สามารถหย่อนมันลงรูด้านบนแล้วใช้มือดึงร่มห่อพลาสติกออกด้านล่าง เท่านี้เราก็สามารถพกร่มเปียกๆของเราเข้าห้างได้
รู้สึกประทับใจกับความใส่ใจเล็กๆน้อยๆของประเทศนี้ แต่อย่าเพิ่งน้อยใจที่ไทยไม่มีเจ้าตู้นี้ หลายคนคงบ่นอุบกันว่า โถ่ ประเทศไทยล้าสมัย ดูประเทศอื่นซิว่าเขาพัฒนากันไปถึงไหนแล้ว
แต่ลองคิดกลับกันนะคะว่า แม้ประเทศไทยเราจะไม่มีตึกระฟ้า ห้างหรู หรือสิ่งประดิษฐ์แปลกใหม่มากมายแถมการคมนาคมของเราก็ดูติดขัดจนหายใจไม่ออก แต่การที่คนไทยสามารถวางร่มทิ้งไว้ที่หน้าห้างได้อย่างสบายใจหายห่วงนั้นหมายความว่าไทยแลนด์ของเราเป็นประเทศแห่งความเป็นมิตรใช่มั้ยค่ะ จะมีประเทศชาติไหนในโลกนี้บ้างที่ผู้คนไว้วางใจกันมากพอที่กล้าจะทิ้งสัมภาระไว้นอกการดูแล ... ร่มเปียก ถ้าเอาเข้าห้างเดี๋ยวพื้นเปียก ก็ทิ้งมันไว้ข้างนอกนั้นแหละ ...
หลังจากนั้นไม่นานท้องฟ้าก็เริ่มมืด ร่างกายที่ใช้อย่างโหมหนักทั้งวันก็ต้องการการพักผ่อน เพื่อเตรียมตัวเดินทางไปเยือน พระราชวังเคียงบ๊อก โซลทาวเวอร์ และตลาดเมียงดงในวันรุ่งขึ้น!!!
อย่าลืมอ่านตอนต่อไป คลิ๊ก เที่ยวเกาหลี ตอนสี่
เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ใหม่ล่าสุด!!! คิดว่าทุกคนที่ฝันอยากไปเที่ยวญี่ปุ่นมักจะมีคำถามว่า ไปกับทัวร์หรือเที่ยวเองดี?และคำถามต่อมาคือ ไปเที่ยวเองยากมั้ย? แต่เนื่องจากไม่รู้จะเริ่มหาข้อมูลตรงไหน สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการใช้บริการทัวร์และอาจกลับไทยมาด้วยความผิดหวัง ...
เมื่อไม่นานมานี้เราเพิ่งไปเที่ยวเกาหลีมาค่ะ และในบทความตอนแรกนี้จะขอพาเพื่อนๆไปเที่ยวเกาะนามิ แวะซื้อของใน 7-11ที่เกาหลี ชิมขนมขึ้นชื่ออย่างไอศกรีมแคนตาลูปและนมกล้วยเที่ยวเกาหลี ตอนที่ 2
หลังจากเดินทางมาอย่างเหนื่อยหนักก็แวะเข้าพักที่ซูวอน เมืองแห่งพัคจีซอง จากนั้นมุ่งสู่วัดวาวูจองซา วัดเกาหลีชื่อดังอันตั้งอยู่ในหุบเขาห่างไกลตัวเมือง ไปทำความรู้จักกับประวัติอันยาวนานของวัดแห่งนี้กันค่ะ
เที่ยวเกาหลี ตอนที่ 3
แวะกินหมูย่าง บูลโกกิสุดอร่อย แล้วต่อด้วยเอเวอร์แลนด์สวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี และปิดท้ายด้วยการช้อปปิ้ง ณ ย่านการค้าทงแดมุน ช้อปของถูก หาของอร่อยกินถูกใจทัวริสไทยเป็นอย่างยิ่ง
เที่ยวเกาหลี ตอนที่ 4
เยี่ยมชมพระราชวังเคียงบ๊อค ราชวังหลวงในยุคโชชอน เดินเที่ยวแวะถ่ายจุดไฮไลท์สำคัญ แอบถ่ายรูปทหารยามเฝ้ายาม แล้วไปเติมพลังด้วยเมนูอร่อยๆอย่าง ชาบูชาบูเมนูธรรมดาที่ไม่ธรรมดา
เที่ยวเกาหลี ตอนจบ
เดินขึ้นเขานัมซานสู่ โซลทาวเวอร์ คล้องกุญแจคู่รักกับสายฝนและปิดท้ายด้วยทริปบุกทะลวงย่านการค้าเมียงดง เยือนร้าน อั๊กดง จิมดักชื่อดัง เดินเที่ยวช้อปปิ้งจนหน่ำใจก่อนเดินทางกลับ ไทย
วิธีแสดงความคิดเห็นบนบล๊อกผ่าน facebook
เลื่อนลงไปล่างสุดของบทความ คลิ๊กคำว่า "ไม่มีความคิดเห็น" เพื่อแสดงความคิดเห็น(งงมั้ยล่ะ) ตอนนี้เปิดให้แสดงความเห็นผ่าน facebook ได้สำหรับใครที่ไม่มี Account ของ Gmail นะคะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น